ทีมไทยลีกขานรับพร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างสู่ระบบอาชีพเต็มตัว ตามแผนของเอเอฟซี.ในปี 2009 พร้อมจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัท แต่ทีมจากรัฐวิสาหกิจสะดุดปัญหา ต้องรอเจรจากับต้นสังกัดอีกครั้ง ฝ่ายจัดเตรียมหาทางช่วยเหลือ หากแก้ไม่ได้จริงๆจำต้องหั่นเหลือเพียง 15 ทีม เดตไลน์ก่อนวันที่ 28 ธ.ค.ต้องได้ข้อสรุป
นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอล พร้อม ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานปรับโครงสร้างฟุตบอลไทยลีก ได้เชิญผู้แทนทีมไทยลีก และทีมจากดิวิชั่น 1 เข้าประชุมสัมมนา เพื่อหาแนวทางการปรับโครงสร้างฟุตบอลลีกอาชีพของไทย สู่ระบบอาชีพที่แท้จริงตามแนวทางของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเซีย หรือ เอเอฟซี. ที่รร.เรดิสันพระราม 9 เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายวรวีร์ ได้ชี้แจงว่า สิ่งที่สมาคมฟุตบอลฯต้องดำเนินการคือพยายามที่จะยกระดับฟุตบอลลีกอาชีพของ ไทยก้าวสู่ระดับสากล จึงเชิญผู้แทนทีมต่างๆ ร่วมหาทางการพัฒนา รวมทั้งได้เชิญทีมในดิวิชั่น 1 มาร่วมฟัง เพื่อเตรียมความพร้อมของทีมที่จะก้าวมาสู่ลีกอาชีพในอนาคต
ในส่วนของสมาคมฟุตบอลฯ ได้ดำเนินการตั้ง บ. ไทยพรีเมียร์ลีก เรียบร้อยแล้ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ และดูทีมสโมสรสมาชิก รวมทั้ง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ที่เข้ามาในฐานะประธานดูแลการปรับโครงสร้างทั้งหมด ซึ่ง ดร.วิชิต ย้ำว่า การที่เราจะก้าวไปสู่ลีกอาชีพ จำเป็นที่จะต้องเตรียมการให้พร้อม อย่างการดำเนินการตั้งบริษัทขึ้นมาในเชิงพานิชย์ที่มีงบดุลการเบิกจ่ายที่ ชัดเจน คือสิ่งที่ทุกทีมต้องทำ เพราะฟุตบอลลีกอาชีพคือธุรกิจฟุตบอล มีรายได้จากสปอนเซอร์, ค่าจำหน่ายบัตร และอื่นๆ ที่เด่นชัด
"อยากให้แต่ละสโมสรเร่งดำเนินการ และที่ผ่านมาก็มีหลายสโมสรดำเนินการไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งดี ส่วน ไทยพรีเมียร์ลีก ปี 2009 กำหนดวันเปิดสนามอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 28 ก.พ.ปี 52 ส่วนดิวิชั่น 1 จะเปิดสนามวันที่ 1 มี.ค. 52 จากนั้นแข่งขันกันไปจนถึงเดือน มิ.ย.หยุดการแข่งขัน 1 เดือน แล้วเริ่มต้นใหม่ในเลก 2 ประมาณเดือน ก.ค. จนจบในเดือน ต.ค. ซึ่งโปรแกรมนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะวันแข่งขันที่เดิมกำหนดเอาไว้วันเสาร์เป็นไทยลีกวันอาทิตย์เป็น ดิวิชั่น 1 แต่หลายฝ่ายเห็นว่า ควรจะมีทั้งเสาร์ และอาทิตย สลับกันไป ซึ่งคณะกรรมการจะนำไปพิจารณาอีกครั้ง" ดร.วิชิต กล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้สอบถามสโมสรต่างๆว่าได้ทำการจดทะเบียนเป็น บริษัทแล้วกี่ทีม และมีทีมใดบ้างที่มีปัญหา ปรากฏว่าส่วนใหญ่ได้จดทะเบียดตั้งบริษัทกันไปแล้วไม่ว่าจะเป็นทีม บีอีซี.เทโรศาสน, การไฟฟ้าฯ, จ.ชลบุรี, โอสถสภา, เมืองทองหนองจอก, โค้กบางพระ อย่างไรก็ตามยังมีบางสโมสรอย่างพนักงานยาสูบ, ทีโอที ที่มาจากรัฐวิสากิจ ต้องรอแจ้งไปยังหน่วยงานใหญ่อีกครั้ง ส่วนทีมที่ประสบปัญหามากที่สุดคือ ราชนาวี ที่ไม่สามารถแยกออกตั้งเป็นบริษัทได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานราชการ
ที่ประชุมได้พยายามเสนอแนะ และหาทางออกให้กับราชนาวี ไม่ว่าจะเป็นการไปหาบริษัทมาตั้งเป็นชื่อ และดำเนินกิจการฟุตบอล แต่มีข้อแย้งว่า ผู้ใหญ่ในกองทัพคงไม่สามารถให้ดำเนินการตามนั้นได้ เนื่องจากบุคลากรเป็นทหาร แต่ต้องไปเล่นฟุตบอลให้กับบริษัท อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้ให้ทีมราชนาวี กลับไปปรึกษากับผู้มีอำนาจตัดสินใจอีกครั้ง
ดร.วิชิต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่า เราต้องการที่จะก้าวเป็นฟุตบอลอาชีพอย่างจริงจัง ฉะนั้นทุกสโมสรต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย และหาก ราชนาวี ไม่สามารถตั้งเป็นบริษัทได้ คงต้องหารือกันอีกครั้ง และหากไม่สามารถหาทางออกได้จริงๆ ก็จำเป็นต้องตัด ราชนาวี ออกไป ให้ไทยลีกเหลือ 15 ทีม หรืออาจจะพิจารณาทีมที่ตกชั้นในปีนี้รวมทั้งทีมในดิวิชั่น 1 ที่อันดับดีๆ และมีคุณสมบัติพร้อมขึ้นมาเล่นแทน หากมีหลายทีมคงจะใช้การเตะเพลย์ออฟเพื่อหา 1 ทีมให้ครบ 16 ทีมตามต้องการ
"อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดยังไม่สรุป ยังต้องเชิญสโมสรต่างๆ มาประชุมกันอีกครั้ง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสนามแข่งขันที่ต้องได้มาตรฐานกว่าเก่า, เรื่องของกรรมการผู้ตัดสิน, เรื่องสัญญานักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องของสโมสรที่ยังไม่จดทะเบียนเป็นบริษัท ซึ่งภายในวันที่ 28 ธ.ค.เราต้องได้ข้อสรุปทั้งหมด" ดร.วิชิต กล่าวตบท้าย
แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th