เมื่อบ่ายวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย โดยมีนาย กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเรื่องการจัดฟุตบอลอาชีพทั้งระบบ
โดยนายวรวีร์ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า หลังจากที่ได้เข้าพบกับ ผู้ว่าการ กกท.เมื่อวันที่ 16 ก.พ. เป็นที่น่ายินดีว่า กกท.จะให้การสนับสนุนสมาคมฟุตบอลฯในการจัดฟุตบอลอาชีพต่อไป จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศ ไทย ประจำปี 2552 ใหม่ 27 คน โดยแต่งตั้งให้นายกนกพันธุ์จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท. เป็นที่ปรึกษา, นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เป็นรองประธานกรรมการฯ, ผอ.ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬา มวย เป็นกรรมการ, นายสาทิศ ศรีดอกบวบ ผอ.กองการแข่งขันและกีฬาอาชีพ เป็นกรรมการ และนายทนุเกียรติ จันทร์ชุม หัวหน้างานองค์กรและควบคุมกีฬาอาชีพ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ส่วนงบประมาณที่ได้รับจาก กกท.นั้น เป็นเงิน 70,000,000 บาท แบ่งเป็นใช้ในการจัดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชั่น 1 และฟุตบอลลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 จำนวน 55,338,500 บาท สำหรับเงินที่เหลืออีก 14,661,500 บาท จะมาใช้ในการจัดฟุตซอลลีก (ชาย-หญิง) และ ฟุตบอลไทย วีเมน พรีเมียร์ลีก แต่ฟุตบอลลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ทาง กกท.และสมาคมฟุตบอลฯจะต้องมาคุยรายละเอียดกันให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะมีการเซ็นบันทึกช่วยจำ “เอ็มโอยู” ในวันที่ 3 มี.ค. นอกจากนี้คณะกรรมการจัดฯจะมีการระบุงบประมาณที่แต่ละสโมสรจะได้รับให้ชัดเจน เช่น สโมสรในไทยพรีเมียร์ลีกจะได้รับเงินบำรุงทีม ทีมละ 600,000 บาท, ดิวิชั่น 1 ได้รับ 300,000 บาท, เงินรางวัลชนะเลิศ ไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับ 10,000,000 บาท, ชนะเลิศดิวิชั่น 1 ได้รับ 700,000 บาท รวมทั้งงบประมาณให้กับบุคลากร เช่น ผู้ควบคุมการแข่งขัน, กรรมการ, เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย
ทางด้าน “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์กล่าวว่า จากเดิมที่ กกท.ได้ให้การสนับสนุนสมาคมฟุตบอลฯในการจัดฟุตบอลอาชีพเป็นระยะเวลา 5 ปี และปีนี้เริ่มเข้าสู่ปีที่ 3 ซึ่งทาง กกท.ยังจำเป็นต้องจัดงบประมาณไว้ให้เท่าเดิม แต่หากฟุตบอลอาชีพประสบความสำเร็จ อาจจะไปชี้แจงของบประมาณเพิ่มเติมกับสำนักงบประมาณได้ หรือหากฟุตบอลอาชีพเกิดได้ใน 5 ปี ตามที่ตั้งเป้าไว้ กกท.ก็จะให้งบประมาณสนับสนุนน้อยลงจนไม่หนุนอะไรอีกต่อไป เพราะลีกอาชีพยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว
ที่มา http://www.coreballthai.com/coreballnews.php?id=1916