เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (6 ก.ค.) ณ ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้มีการนัดประชุมผู้ควบคุมการแข่งขัน ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการหาบทสรุป เกี่ยวกับบทลงโทษต่างๆ ที่เกิดขึ้น งานนี้นำโดย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ปธ.บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นประธานในที่ประชุม
โดยวาระในการประชุมประจำสัปดาห์นี้ ก็ได้มีการพูดคุย เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แฟนฟุตบอลของทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะบางกอกกล๊าส เอฟซี 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.ค. 53 รวมถึงแฟนคลับชลบุรี เอฟซี ที่ขว้างพลุลงมาในสนาม เกมที่ทีมรักยกพลบุกไปพ่าย บุรีรัมย์ พีอีเอ 1-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มิ.ย. 53 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดระเบียบอย่างชัดเจน
นอกจากการเขียนรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขันแล้ว สื่อต่างๆ ได้จัดการบันทึกภาพเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็ทำให้ทางด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ปธ.บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้มีมติในการลงดาบทั้งสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี และ ชลบุรี เอฟซี เป็นจำนวนทีมละ 7,500 บาท ด้วยกัน
7-8 ก.ค. ยกพลสัมมนาพัฒนาใหญ่บางแสน
พร้อมกันนั้นทางด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ปธ.บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ยังได้เผยต่อด้วยว่า "ในช่วงระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. 53 ทางบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด รวมถึงผู้ควบคุมการแข่งขันจะยกทัพไปสัมมนากันที่เดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน เพื่อเป็นการร่วมถกแนวทางเกี่ยวกับการวางมาตรการเพื่อพัฒนาลีกทั้งระบบ ให้ผ่านมาตรฐานที่ทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ได้กำหนดเอาไว้
ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่ตัวแทนของเอเอฟซี จะเดินทางมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องจำนวนผู้ชมเฉลี่ยของแต่ละสนามในศึก สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก รวมถึงยอดจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อไหร่ ซึ่งเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป"
"วิชิต" ชี้รายได้กว่า 200 ล. หากได้โควตาชปล.คืน
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ปธ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ยังได้เสริมเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวแทนของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เตรียมที่จะเดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานของศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก สำหรับการประเมินเพื่อคัดสรรสโมสรที่ได้สิทธิ์ลงเล่นในถ้วยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อไป โดย ดร.วิชิต ได้เปรยกับสยามกีฬาด้วยว่า
"ตอนนี้เราเหลือเพียงแค่รอให้ตัวแทนของเอเอฟซี มาตรวจสอบมาตรฐานลีกไทยเพียงอย่างเดียว หลังจากที่เราดำเนินการในขั้นตอนที่ 1 คือส่งเอกสารรวมถึงขั้นตอนที่ 2 เกี่ยวกับการชี้แจงไปแล้ว และต้องบอกเลยว่าตอนนี้แฟนฟุตบอลชาวไทยพอจะมีหวังขึ้นมาแน่ ซึ่งดูแล้วตอนนี้เราก็กำลังเบียดกับเอสลีกขอสิงคโปร์อยู่ เช่นเดียวกับลีกอื่นๆ ของเอเชียที่อาจจะโดนลดโควตาลงมาก็เป็นได้
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการประเมินของตัวแทนจากเอเอฟซีเท่านั้น ซึ่งเท่าๆ ที่ผมรู้มาตอนนี้หากทีมไหนที่ได้ผ่านเข้ารอบลึกๆ ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ในซีซั่นหน้า จะมียอดรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ รวมกันไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทเลยทีเดียว"