การแข่งขันฟุตบอล มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามศุภชลาศัย "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี เอาชนะ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ไปได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองอย่างสุดมันส์ คว้าสิทธิ์ไปลุย เอเอฟซี คัพ ไปสำเร็จ
ในเกมนี้ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ต้องขาด คริสเตียน เคาคู กองหน้าชาวไอวอรี่โคสต์ที่ติดโทษแบน รวมไปถึง กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายทวารตัวเก่งที่บาดเจ็บมาจากเอเชียนเกมส์ แต่ยังมีข่าวดีที่ได้ ดักโน่ เซียก้า ผ่านความฟิตลงสนามเป็นตัวจริง โดยในแดนหน้า เรเน่ เดอซาเยียร์ กุนซือชาวเบลเยียมวาง ธีรศิลป์ แดงดา ยืนล่าตาข่ายคู่กับ รณชัย รังสิโย
ส่วนทางฝั่ง "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ขาดแนวรับถึง 2 ตัว เกียรติประวุฒิ สายแวว ได้รับบาดเจ็บ ส่วน สุรีย์ สุขะ ก็ติดโทษแบน โดยในเกมนี้ "เซอร์เด็ด" จเด็จ มีลาภ กุนซือของวางกองกลางถึง 5 ตัว มี พิภพ อ่อนโม้ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
เกมเริ่มขึ้นมาได้ 2 นาทีเป็นทางฝั่งชลบุรีที่ได้ทักทายก่อน เอกพันธ์ อินทเสน ยิงไปติดเซฟของ ทนงศักดิ์ แบบได้เสียว นอกจากนี้ยังได้ลุ้นอีกจาก ชลทิตย์ จันทคาม ที่ได้จังหวะลักไก่ตักบอลโด่งจากฝั่งขวา บอลย้อยเกือบเข้าประตูแต่ ทนงศักดิ์ ก็ยังเซฟเอาไว้ได้อีก
หลังจากถูกบุกหนักอยู่นาน เมืองทองฯ ก็ได้จังหวะลุ้นประตูบ้าง โดยเป็น ดักโน่ เซียก้า ที่วิ่งทะลุแนวรับเข้าไปแปบอลสวนตัว สินทวีชัย เข้าเสาสองตุงตาข่าย แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปเสียก่อน
นาทีที่ 25 กิเลนผยองเปลี่ยนตัวผู้เล่นอย่างรวดเร็ว โดยเอา รณชัย รังสิโย ออก แล้วส่ง โคเน่ โมฮัมเหม็ด ลงไปเล่นแทน
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ธีรศิลป์ แดงดา เกือบได้หลุดเข้าไปยิงประตูให้กับเมืองทองฯ หลังจากฉกบอลจาก เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่จ่ายบอลพลาดในแดนตัวเอง แต่ว่า ภูริทัต จาริกานนท์ ก็เสียบสกัดบอลเอาไว้ได้
ใบเหลืองแรกของเกมมาในนาทีที่ 35 เป็น อาทิตย์ สุนทรพิธ ของชลบุรีที่ได้รับไป จากจังหวะไปพุ่งเสียบ นฤพล อารมณ์สวะ ที่กำลังกระชากบอลทางกราบขวา ส่วนทางฝั่งกิเลนผยองก็มาได้ใบเหลืองเช่นกันจาก ภานุพงศ์ วงศ์ษา ที่ไปดึง พิภพ อ่อนโม้ ล้มลง
ช่วงท้ายครึ่งแรก แฟนบอลฉลามชลก็ได้เฮกันลั่น เมื่อ พิภพ อ่อนโม้ แตะบอลออกขวาให้ เอกพันธ์ อินทเสน ปาดบอลเข้ากลางมาที่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น แปบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ ชลบุรี เอฟซี ออกนำไปก่อน 1-0
หลังจากนั้นก็ไม่มีสกอร์เพิ่ม จบครึ่งแรก ชลบุรี เอฟซี จึงออกนำ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ไป 1-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง เมืองทองฯเปลี่ยน อมร ธรรมนาม ลงมาเล่นแทน นฤพล อารมณ์สวะ ในช่วง 10 นาทีแรกทั้งคู่ยังไม่ค่อยมีโอกาสลุ้นทำประตูกันมากนัก นาทีที่ 56 เมืองทองฯ ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นคนสุดท้าย โดยเอา เจษฎา จิตสวัสดิ์ ลงไปยืนคุมแผงหลังแทน ภานุพงศ์ วงศ์ษา
จนกระทั่งในนาทีที่ 64 ทีมกิเลนผยองก็มาพังประตูตีเสมอได้สำเร็จ โคเน่ โมฮัมเหม็ด ได้บอลในกรอบเขตโทษของชลบุรี ก่อนป้ายบอลคืนหลังมาให้ ดัสกร ทองเหลา ปั่นด้วยขวาเข้าประตูไป โดยที่ สินทวีชัย พุ่งเซฟไม่ทัน สกอร์จึงกลับมาเท่ากันที่ 1-1
นาทีที่ 73 ชลบุรี เอฟซี เปลี่ยนตัวเอา ภานุวัฒน์ จินตะ ลงไปเล่นแทน อาทิตย์ สุนทรพิธ ไม่กี่นาทีถัดมาก็ได้ลุ้นยิงประตูทันที เอกพันธ์ อินทเสน ได้บอลทางกราบขวาก่อนจ่ายกลับมาให้ ภานุวัฒน์ ซัดเต็มเท้านอกกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ทีมฉลามชลจะเปลี่ยนตัวอีกรอบ เอา ฌูลส์ บาก้า ลงเล่นแทน เทิดศักดิ์ ใจมั่น
ทีมฉลามชลเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง พิภพ อ่อนโม้ ได้บอลหลุดเข้ากรอบเขตโทษทางด้านซ้าย แต่ก็ยิงไปติดเซฟของ ทนงศักดิ์ นายทวารของเมืองทองฯ
นาทีที่ 85 เมืองทองฯเกือบเสียประตูอีกครั้ง เจษฎา จิตสวัสดิ์ สกัดบอลคืนหลังเกือบย้อยเข้าประตูตัวเอง ยังดีที่ ทนงศักดิ์ ใช้หัวโขกบอลออกหลังไปได้ก่อนหวุดหวิด
ช่วงท้ายเกมทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ จบ 90 นาทีจึงเสมอกันไป 1-1 ต้องไปวัดกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เริ่มเกมช่วงต่อเวลาพิเศษมา 3 นาที ธีรศิลป์ แดงดา เกือบทำประตูให้เมืองทองฯขึ้นนำ แต่ลูกยิงถูก สินทวีชัย นายทวารฉลามชลบินปัดออกหลังไปแบบได้ลุ้น
แต่ทางฝั่งชลบุรีก็เกือบได้เฮเช่นกัน นาทีที่ 96 พิภพ อ่อนโม้ แทงบอลทะลุให้ ฌูลส์ บาก้า หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ทนงศักดิ์ แต่ทว่ากลับยิงไปตรงตัวผู้รักษาประตูกิเลนผยองไปแบบไม่ได้ลุ้น ทำเอาแฟนบอลชลบุรีต่างเสียดายกันไปเป็นแถบ
"เจ้าชายฉลาม" พิภพ อ่อนโม้ เกือบถูกไล่ออกจากสนามในนาทีถัดมา เมื่อพุ่งเสียบสองเท้าเข้าใส่ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว แต่ผู้ตัดสินกลับให้เพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น ทำให้ พิภพ รอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
นาทีที่ 114 ชลบุรี เปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นคนสุดท้าย โดยเอา เอกพันธ์ อินทเสน ออก แล้วส่ง ศุภเสกข์ ไก่แก้ว ลงไปเล่นแทน
เกมทำท่าว่าจะต้องไปวัดกันที่การดวลจุดโทษ แต่แฟนบอลฉลามชลก็ได้เฮกันลั่นสนามศุภฯอีกครั้งในนาทีที่ 117 เมื่อ พิภพ อ่อนโม้ ใช้หัวโขกบอลไปติด เจษฎา จิตสวัสดิ์ แต่บอลกลับมาเข้าทางปืนของ พิภพ จึงจัดการซ้ำเข้าไปไม่เหลือซาก ส่งให้ชลบุรีขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1
หลังจากนั้นเมืองทองฯก็เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่อยู่ข้างเดียว แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ จึงเป็นทางด้าน ชลบุรี เอฟซี ที่เอาชนะไป 2-1 คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างสุดมันส์ พร้อมกับคว้าสิทธิ์ไปเล่นในรายการ เอเอฟซี คัพ ในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อย
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เมืองทองฯ ยูไนเต็ด : ทนงศักดิ์ พันภิพัฒน์ - ภานุพงศ์ วงศ์ษา, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, จักรพันธ์ แก้วพรม, ปิยะชาติ ถามะพันธ์ - นฤพล อารมณ์สวะ, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ดักโน่ เซียก้า, ดัสกร ทองเหลา - ธีรศิลป์ แดงดา, รณชัย รังสิโย
ชลบุรี เอฟซี : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล - ชลทิตย์ จันทคาม, ณัฐพงษ์ สมณะ, เจษฎากร เหมแดง, สุทธินันท์ พุกหอม - อดุล หละโสะ, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ภูริทัต จาริกานนท์, อาทิตย์ สุนทรพิธ, เอกพันธ์ อินทเสน - พิภพ อ่อนโม้