ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เผยโฉมชุดแข่งขันทีมชาติไทยชุดใหม่ ประเดิมซูซูกิ คัพ 2010


บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยโฉมชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประเดิมสนามครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 ในเดือนธันวาคมนี้ โดยเสื้อแข่งขันผลิตขึ้นจากโพลีเอสเตอร์นำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด เสื้อแต่ละตัวทำจากขวดน้ำพลาสติกจำนวนไม่เกิน 8 ขวด

ในการผลิตชุดแข่งขันสำหรับปี 2010 ให้กับทีมชาติทีมต่างๆ ผู้ผลิตผ้าให้กับไนกี้ได้เสาะแสวงหาขวดที่ถูกทิ้งแล้วจากแหล่งวัสดุถมที่ดิน แห่งต่างๆ จากนั้นจึงนำมาหลอมเพื่อผลิตเป็นเส้นด้ายใหม่ ซึ่งท้ายที่สุดจะถูกแปรสภาพเป็นชิ้นผ้าที่ใช้ผลิตเสื้อ กระบวนการผลิตเช่นนี้ช่วยประหยัดวัตถุดิบอันมีค่าและช่วยลดการใช้พลังงานลง ได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับการผลิตจาก โพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ที่ยังไม่เคยผ่านกระบวนการผลิตมาก่อน จากการนำโพลีเอสเตอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่มาผลิตเสื้อทีมชาติในครั้งนี้ ไนกี้สามารถช่วยลดปริมาณขยะโพลีเอสเตอร์เป็นจำนวนมากไม่ให้ถูกนำไปใช้ในการ ที่ดินทั่วโลก



นางสาวพิณรัตน์ ทัศนะพยัคฆ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การพัฒนาชุดแข่งขันสำหรับทีมชาติสื่อถึงเจตนารมณ์ของไนกี้ในการนำเสนอนวัต กรรมเพื่อช่วยเสริมศักยภาพของนักกีฬา โดยเรามุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ ตลอดจนความรู้ความชำนาญในกีฬาฟุตบอล เพื่อช่วยให้นักเตะไทยสามารถแสดงฝีเท้าและทำผลงานได้อย่างดีที่สุด ผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ใช้ในการผลิตชุดแข่งขัน และเรายังตั้งใจที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยนำขวดพลาสติกที่นำกลับ มาใช้ใหม่เป็นวัตถุดิบในการผลิต สำหรับรายละเอียดการออกแบบ เราคำนึงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติไทย ซึ่งไนกี้ตระหนักดีถึงความภาคภูมิใจที่นักกีฬาได้รับจากการลงสนามในฐานะตัว แทนของประเทศ ดังนั้น ชุดแข่งขันใหม่นี้จึงได้รับการออกแบบให้สื่อถึงมรดกและวัฒนธรรมด้านฟุตบอล อันเป็นเอกลักษณ์ของทีมชาติไทย”



นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ ไทยฯ และไนกี้ ทางสมาคมฯเล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของไนกี้ในการนำเสนอและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ทีมฟุตบอลไทยสามารถแสดงฝีเท้าได้อย่างเต็มที่ ชุดแข่งขันคอลเลคชั่นใหม่นี้ สมาคมฯได้ทำงานร่วมกันกับไนกี้อย่างใกล้ชิดเพื่อนำเสนอและสะท้อนถึง เอกลักษณ์ ความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทยรวมถึงคุณค่าของการได้สวมชุดทีมชาติ เพื่อกระตุ้นให้นักเตะมีความมั่นใจและสามารถทำผลงานได้ดีตลอดระยะเวลาที่พวก เขาลงทำหน้าที่เพื่อชาติ เราหวังว่าชุดแข่งขันใหม่นี้จะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแฟนฟุตบอลชาวไทย ทุกคน”

ชุดแข่งขันของทีมชาติถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้ง หมดของไนกี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ไนกี้สามารถกู้ขวดพลาสติกจำนวนกว่า 5 ล้านตันทั่วโลกในแต่ละปี เพื่อนำมาผลิตเป็นชุดแข่งขันทีมชาติใหม่นี้

นอกจากนี้ ชุดแข่งขันของทีมชาติต่างๆซึ่งเป็นพันธมิตรกับไนกี้ ยังได้รับการออกแบบขึ้นโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของแต่ละชาติ ไนกี้เข้าใจดีถึงความภาคภูมิใจที่นักกีฬาได้รับจากการได้เล่นในฐานะตัวแทน ประเทศของตน ชุดแข่งขันแต่ละชุดจึงได้รับการออกแบบให้สื่อถึงมรดกเหล่านี้ ตลอดจนวัฒนธรรมฟุตบอลอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมชาติ

ชุดแข่งขันทีมเหย้า (เสื้อเจอร์ซี่ กางเกงขาสั้น และถุงเท้า) เป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ส่วนชุดแข่งขันทีมเยือน (เสื้อเจอร์ซี่ กางเกงขาสั้น และถุงเท้า) ใช้สีน้ำเงิน เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสีน้ำเงินเป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระองค์

เสื้อแข่งขันทีมเหย้าและทีมเยือน โดดเด่นด้วยลายธงไตรรงค์ที่พาดผ่านบริเวณหน้าอก เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และเสริมความรู้สึกรักชาติ มีตราสัญลักษณ์สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริเวณหน้าอกเสื้อด้านซ้าย เพื่อแสดงถึงความรู้สึกภาคภูมิใจและความเคารพของนักฟุตบอลที่ได้มีโอกาสเป็น ตัวแทนของชาติ


ด้านในของเสื้อ ตำแหน่งเดียวกับตราสัญลักษณ์ของสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จัดวางในเชิงสัญลักษณ์ให้อยู่เหนือหัวใจ มีข้อความประวัติศาสตร์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจว่า “ไชโย” ซึ่งเป็นคำที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตรัสขึ้นระหว่างทอดพระเนตรเกมการแข่งขันนัดแรกระหว่างทีมชาติไทยกับทีมรวม ชาวต่างชาติ ณ ราชกรีฑาสโมสร ซึ่งทีมไทยเป็นฝ่ายชนะด้วยสกอร์ 2 - 1

บริเวณคอเสื้อด้านในได้มีการอัญเชิญสัญลักษณ์ “ชฎา” ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์แรกของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ใน พระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ รวมทั้งเป็นเครื่องเตือนใจในการไขว่คว้าความสำเร็จในฐานะทีมชาติไทย

นวัตกรรมที่ใช้ในชุดแข่งขัน

การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไม่ได้หมายความว่าองค์ประกอบด้านประสิทธิภาพ อันก้าวล้ำของชุดจากไนกี้จะต้องถูกตัดทอนลงไป สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 ในปีนี้ ชุดแข่งขันทีมชาติไทยได้รับการออกแบบให้ผู้เล่นรู้สึกแห้งและเย็นสบายกว่า เดิม ตลอดจนสวมใส่ได้สบายตัวยิ่งขึ้น ช่วยให้พวกเขารักษาอุณภูมิร่างกายไว้ในระดับที่เหมาะสมที่สุดและเล่นได้เต็ม ความสามารถตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม

เนื้อผ้าเทคโนโลยี ไดร-ฟิต (Nike Dri-FIT) ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจนในปัจจุบันมีน้ำหนักเบากว่าผ้าที่ใช้ผลิต ชุดไนกี้รุ่นก่อนๆ ถึง 15% ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกแห้งสบายโดยการดูดซับเหงื่อสู่ด้านนอกตัวเสื้อเพื่อให้ ระเหยออกไป พื้นที่ส่วนช่วยระบายอากาศได้รับการออกแบบให้อยู่บริเวณด้านข้างของเสื้อ เพื่อให้อากาศผ่านได้ดีขึ้น ผสานกับเนื้อผ้าที่สามารถเพิ่มการไหลเวียนของอากาศได้มากขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับชุดแบบก่อน อากาศจึงสามารถผ่านได้ตลอดช่วงลำตัวและทำให้ผู้เล่นรู้สึกเย็นสบายกว่าเดิม พื้นที่ช่วยระบายอากาศเหล่านี้ประกอบไปด้วยรูเล็กๆ ที่เจาะด้วยแสงเลเซอร์ถึง 200 รู เสริมด้วยการใช้นวัตกรรม Halo ของไนกี้ ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยป้องกันการฉีกขาดโดยไม่ลดทอนการหมุนเวียนอากาศ

กางเกงใช้วัสดุที่ช่วยระบายอากาศด้วยเช่นกัน โดยวางตำแหน่งไว้ถัดลงมาจากแถบเอว ใกล้ๆ กับส่วนล่างสุดของกระดูกสันหลัง บริเวณซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดเหงื่อในปริมาณมากนี้จึงรู้สึกแห้งสบายขึ้นได้ อย่างชัดเจน

โครงสร้างการทอแบบ Double Knit ไม่เพียงช่วยให้เสื้อดูเงางามยิ่งขึ้นพร้อมกับเพิ่มการยืดขยายขึ้นอีก 10% เมื่อเทียบกับเสื้อของชุดแข่งขันจากไนกี้แบบก่อนหน้านี้ แต่ยังตัดเย็บให้เข้ารูปในแบบ Dynamic Fit แบบใหม่เพื่อรับกับสรีระของร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังคงเอื้อต่อการไหลเวียนของอากาศและการเคลื่อนไหวได้สูงสุด

เหล่าผู้เล่นยังจะได้สวม ไนกี้ โปร คอมแบท ยามลงแข่งขันด้วย โดย ไนกี้ โปร คอมแบท ซึ่งเด่นด้วยโครงสร้างของชุดที่ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี ประกอบไปด้วยกางเกงขาสั้นแบบ สไลเดอร์ และ อิมแพ็คท์ ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการกระแทกที่ไม่รุนแรงนัก รวมถึงการเกิดแผลถลอก พร้อมกันนี้ยังมีเสื้อแบบ ม็อค ที่ช่วยปกป้องคอของผู้เล่นจากสภาพอากาศที่รุนแรง

นอกจากนี้ ไนกี้ได้เปิดตัว “Be The Next” แคมเปญที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้นักฟุตบอลเยาวชนไทย ให้มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลชั้นยอดของประเทศ โดยแคมเปญนี้ปลุกสำนึกของความภาคภูมิใจในชาติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เยาวชนร่วมกันสนับสนุนให้ทีมชาติก้าวขึ้นเป็นแชมป์ต่อๆ ไป “Be The Next” คือคำเชื้อเชิญให้นักฟุตบอลเยาวชนมาเข้าร่วมทีมในรุ่นต่อไป โดยการสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาฝันให้ไกล พร้อมๆ กับช่วยสนับสนุนให้พวกเขาสามารถพาทีมชาติให้พัฒนาไปอีกระดับในอนาคต

ชุดแข่งขันทีมชาติ จะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านไนกี้ ไนกี้ คอร์เนอร์ในซูเปอร์สปอร์ตและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านนกแก้ว หลังสนามกีฬาแห่งชาติ เอฟบีที สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และกิจกรรมพิเศษของไนกี้ฟุตบอลได้ที่ nikefootball.in.th หรือที่ facebook.com/nikefootballth

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์

สวัสดีปีใหม่ไทย เทศกาลสงสงกรานต์ หลายทีมในลีกอาชีพใด้พักซ้อม 2-3 วัน แต่มีทีมเดียวคือ จุฬา ยูไนเต็ด ซ้อมช่วงเทศกาลสงกรานต์ กุนซือใหญ่ชาวแซมบ้า โจเซ่ แฟร์ไรร่า สุดเฮี้ยบ สั่งนักเตะซ้อมตะลุยช่วงสงกรานต์เต็มที่แบบไม่มีหยุดสงกรานต์ อีกทีมที่หยุดวันเดียวคือ แบงค็อก ยูไนเต็ด หวั่นนักเตะกลับมาหมดสภาพ สั่งให้พักแค่ 13 เม.ย. วันเดียว นักเตะอาชีพเป็นงานที่แปลกกว่าอาชีพอื่นมากเลยครับ เทศกาลสงกรานต์นี้ก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ rich_t

ทีโอทีขึ้นป้ายขายกบไซเบอร์อย่างต่ำ1ล้าน

ความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอลในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ช่วงพักเบรกให้ทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกับ นิวซีแลนด์ 2 นัด โดย ทีโอที เอฟซี ทีมอันดับ 7 ของตาราง จากการออกสตาร์ต 3 นัดแรก ได้ตั้งราคาขายนักเตะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมดีกรีทีมชาติไทย "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม มิดฟิลด์เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ของทีม ที่ถือเป็นนักเตะแม่เหล็กประจำทีมอย่างแท้จริง ที่ราคาถึง 1 ล้านกว่าบาทเป็นอย่างต่ำ "โค้ชก๊อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ผจก.ทีมทีโอที กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าเราคิดจะขาย สุเชาว์ นุชนุ่ม เพราะเขาถือเป็นนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญของเราในขณะนี้ แต่หากมีทีมไหนต้องการอยากได้ตัวเขาไปเล่นให้จริงๆ ในฟุตบอลอาชีพ โดยเราตั้งราคาขายไว้ที่หลัก 1 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเล่นกับเรามานาน เรื่องฝีเท้าการันตีความสามารถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการมีดีกรีติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง" "หากถามผมว่า อยากจะขายให้ทีมในประเทศหรือไม่ คงไม่อยากขาย แต่ต้องการให้เขามีโอกาสได้ไปเล่นกับลีกต่างชาติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเอสลีกของสิงคโปร์หรือวีลีกของเวียดนาม เพื่อมีโอกาสได้ไปเก็บเงินสักก้

ชัยนาทเปิดตัวชุดแหวกแนวทุ่มงบ200ล้านเปลี่ยนชื่อหวังติดท็อปไฟ

ชัยนาท ฮอร์นบิล ในชื่อใหม่เปิดตัวชุดแข่งขัน 2014 สุดฉีกแนวพร้อมประกาศงบ 200 ล้านบาทเทียบเท่าบิ๊กทีมหวังผฝาดท็อปไฟว์ของตาราง สโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือ ชัยนาท เอฟซี เดิม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวความพร้อมฤดูกาล 2014สนามเขาพลอง สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (15 ก.พ.) โดยมี อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน สตาฟฟ์โค้ช และนักกีฬาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ชัยนาท ตัดสินใจนำคำว่า ฮอร์นบิล (hornbill) ซึ่งแปลว่านกเงือกสัญลักษณ์ประจำสโมสรและจังหวัดมาต่อท้ายชื่อ พร้อมกับประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 200 ล้านบาท เทียบเท่ากับสโมสรชั้นนำ โดย "เสี่ยแฮงค์" ประธานสโมสรหวังพาทีมจบ 5 อันดับแรกของตารางไทยพรีเมียร์ลีก "ทีมชัยนาทในปีนี้ทุ่มงบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงทีม ไม่ว่าจะเป็นการส่วนซื้อตัวผู้เล่นผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงการปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานกว่าเดิม เพื่อให้สโมสรมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยเป้าหมายอย่างต่ำต้องติดท็อปเท็นของตาราง แต่จะให้ดีต้องติด 1 ใน 5 ถ้าทำได้ถือว่าประสบความสำเร็จ" สุรชัย จตุรภั