ฟันคู่กรณีไทยลีกนัดสุดท้าย คณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง สั่งปรับ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1 แสนบาท พร้อมห้ามแข่งในบ้าน 3 นัด รวมถึงห้ามแฟนบอลตามเชียร์ด้วย ขณะที่สโมสรเตรียมอุทธรณ์ เพราะถือว่าหนักเกิน ส่วน การท่าเรือไทย เอฟซี กระทำความผิดซ้ำซากปรับ 133,000 บาท และห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมทั้งในบ้านและนอกบ้าน 4 นัด
จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในเกมไทยพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้าย ที่สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม ระหว่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี กับ การท่าเรือไทย ที่เกมเสมอกัน 0-0 แต่ทว่าหลังเกมแฟนบอลทั้งสองทีมได้เกิดมีเรื่อง จนกลายเป็นจราจลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก
โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ทางคณะกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง โดย "บิ๊กย้อย" วรพงษ์ ชิวปรีชา ได้นำคณะกรรมการ พร้อม "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก พร้อมตัวแทนจากทั้ง 2 สโมสรที่เข้ามาชี้แจง
ให้ทั้งสองฝ่ายแสดงหลักฐาน
การพิจารณาโทษได้เปิดให้ตัวแทนทั้ง 2 ทีมได้นำหลักฐานมาแสดงภายในห้องประชุมของสมาคมฟุตบอลฯ โดยทาง บางกอกกล๊าส มี "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผจก.ทีมเดินทางมาด้วยตัวเอง ส่วนทางการท่าเรือไทย มีนายเจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง รองประธานสโมสรได้มาชี้แจง ซึ่งทั้งสองทีมก็ได้เปิดหลักฐานจากภาพที่ถ่ายมาให้คณะกรรมการได้ชม
โดย บางกอกกล๊าส ชี้แจงว่าจุดเกิดเหตุ มาจากจำนวนแฟนบอลท่าเรือ ที่มามากเกินกว่าที่จะแจ้ง โดยปกติสนามจะให้ทีมเยือน 900 ที่นั่งอยู่ทางโซนทิศเหนือ แต่ทางการท่าเรือขอเข้ามา 1,400 ใบเราก็ยืนกรานว่าไม่ได้ ซึ่งจุดนั้นแฟนบอลท่าเรือก็เริ่มไม่พอใจแล้ว เราจึงผ่อนปรนให้อีก 200 คนและไปนั่งในโซนทิศใต้ชั้น 3 แต่ตลอดเกมก็มีการยั่วยุตลอด จนกระทั่งจบเกม ก็มามีเรื่องบริเวณห้องน้ำจากนั้นก็ขยายวงกว้างจนควบคุมไม่อยู่
ซึ่งทาง นายศักดิ์ชัย จรรยาเวโรจน์ เลขาฯ ทีมบางกอกกล๊าส กล่าวเสริมว่า "ความจริงหลังจบเกมเราเคลียร์ทางให้แฟนบอลท่าเรือออกก่อน แล้วปิดประตูล็อกไม่ให้แฟนบอล บางกอกกกล๊าส ออก เพราะจะมาเจอกัน ซึ่งกลุ่มของท่าเรือก็จะออกหมดแล้ว แต่มาเจอกับแฟนบอล บางกอกกล๊าส ที่หน้าห้องน้ำ แล้วเกิดการท้าทายกันขึ้น โดยมีไอ้หนุ่มผมยาวใส่กางยีน ก่อเหตุก่อน จากนั้นก็เลยลุกลามขึ้น
ส่วนทางท่าเรือ เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง ก็เผยว่าการก่อเรื่องก็เกิดทั้งสองฝ่าย ตอนนี้มีเรื่องก็พยายามเข้ามาช่วยห้าม ซึ่งทางแฟนท่าเรือ ก็โดนทำร้ายร่างกาย และเจ็บไปเยอะพอสมควร
ประชุม 3 ชม. ตัดสินลงโทษทั้งคู่
จากนั้นทางคณะกรรมการได้เชิญตัวแทนทั้งสองทีมและสื่อมวลชนออกนอกห้อง ประชุม เพื่อที่จะได้ทำการพิจารณาหลักฐานและประกาศบทลงโทษ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว จากนั้นจึงได้ออกมาแถลงข่าวถึงผลการพิจารณา โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ได้ออกมาแถลงเองดังนี้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าแฟนบอลทั้งสองทีมต่างก็มีส่วนในความ ผิด จึงลงโทษทั้งสองทีม โดย บางกอกกล๊าส ให้ปรับเงิน 100,000 บาท และในฐานะเจ้าบ้าน ที่ไม่อาจควบคุมดูแลความสงบได้ ลงโทษห้ามแข่งในบ้านในเกมเหย้าจำนวน 3 นัด พร้อมห้ามแฟนบอลเข้าชม โดยให้ไปแข่งสนามกลางแทน
ส่วนสโมสรการท่าเรือไทย ให้ปรับ 100,000 บาทเช่นกัน แต่ถือเป็นความผิดซ้ำสองจึงเพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นปรับเงิน 133,000 บาท นอกจากนี้ไม่ว่าจะเล่นในบ้านหรือนอกบ้าน ห้ามแฟนบอลของทีมเข้าชมเป็นจำนวน 3 นัด แต่เป็นความผิดซ้ำสองจึงเพิ่มโทษเป็น 4 นัด
ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นคดีแพ่งจึงให้ทั้งสองทีมไปตกลงกันเอง ส่วนเรื่องของผู้บาดเจ็บ ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะสืบสวนเพื่อหาคนผิดมาลงโทษต่อไป ทั้งนี้ ให้การลงโทษมีผลทันที ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลรายการไหนภายใต้การจัดของสมาคมฟุตบอลฯ และให้ต่อเนื่องถึงฤดูกาลหน้าจนกว่าจะครบจำนวนการลงโทษ