ช็อคแฟนบอล "ปลาทูคะนอง" เอสซีจีสมุทรสงคราม “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ยอดกุนซือตัดสินใจทิ้งเก้าอี้กุนซือประกาศลาออกแน่นอนแล้วหลังการเจรจาล่า สุดเมื่อ 3 ธค. 53 ที่ผ่านมายังไม่คืบหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้วันเดียวมีข่าวออกมาจากฟากผู้ บริหารทีมว่าคุยจบแล้วเจ้าตัวบ่นอุบเสียความรู้สึกกับผู้บริหารทีมและเอสซี จีฯ ที่โยนข้อเสนอของตัวเองไปมาแบบไม่แคร์ความรู้สึกแถมยังมีการต่อรองข้อเสนอ ที่ยื่นขอไป 3 ล้านบาทเหลือ 2.5 ล้าน
กลับตาลปัตรชนิดต้องบอกว่าช็อกหัวใจแฟนบอล "ปลาทูคะนอง" เอสซีจี สมุทรสงคราม เป็นอย่างยิ่งเมื่อล่าสุด "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือคู่บารมีของทีมตัดสินใจยุติบทบาททำทีมด้วยการตัดสินใจประกาศลาออกจาก ตำแหน่งกุนซือใหญ่แล้วหลังการเจรจากันล่าสุดเมื่อ 3 ธ.ค. 53 ที่ผ่านมาคุยกับบอร์ดบริหารเรื่องค่าตอบแทนไม่ลงตัวทั้งๆ ที่เมื่อ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมามีข่าวออกมาว่าเจรจากันลงตัวเรียบร้อยโดย "น้าฉ่วย" จะคุมทัพให้ต่อไป
โดยเรื่องนี้ "น้าฉ่วย" ได้ออกมากล่าวว่า "ผมงงเหมือนกันว่าข่าวออกมาได้อย่างไรที่ลงไปทางหน้าหนังสือพิมพ์สยามกีฬา เมื่อ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่ว่าเรื่องระหว่างผมกับทีมนั้นจบลงด้วยดีที่ผมจะรับหน้าที่ คุมทีมต่อไปโดยทีมพร้อมจะให้เงินผมก้อนหนึ่งเพื่อให้ลาออกจากงานประจำที่การ ท่าเรือฯ แล้วไปคุมทีมให้แบบฟูลทีมทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วยังไม่ได้บทสรุปแต่อย่าง ใดหลังจากคุยกันมาหลายรอบแล้วระหว่างผมกับผู้บริหารทีมเรียกว่าคุยกันเป็น เดือนก็ว่าได้ผมอยากบอกว่าตัวเองเสียความรู้สึกมากกว่าเหมือนกับว่าผู้ บริหารทีมไม่เต็มใจที่จะให้สิ่งที่ผมร้องขอไปได้แถมยังมีการขอต่อรองอีกด้วย จาก 3 ล้านบาทเหลือแค่ 2.5 ล้านบาทโดยจะให้ก้อนแรกก่อน 2 ล้านและอีก 5 แสนยังไม่ชัดเจนว่าจะให้ผมเมื่อไหร่แน่ผมว่าเขาไม่จริงใจเท่าไหร่นะ"
รับผูกพันกับทีมข้อเสนอเรื่องเงินเพื่อบั้นปลาย
"น้าฉ่วย" กล่าวต่ออีกว่า "ผมยอมรับนะว่าตัวเองมีความผูกพันกับทีม เอสซีจี สมุทรสงคราม เป็นอย่างมากเพราะผมทำมารวมถึงฤดูกาลล่าสุดเป็นเวลา 6 ปีแล้ว 3 ปีแรกที่ผมทำตั้งแต่สมัยเล่นระดับโปรลีก 2 ปีและ ด. 1 อีก 1 ปีนั้นไม่ได้รับเงินเดือนมีแต่จ่ายช่วยทีมด้วยซ้ำไปเพิ่งจะมาได้รับเงินก็ ตอนขึ้นมาเล่นไทยลีก ไทยลีก ครั้งที่ 12-13 ได้ 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน ฤดูกาลล่าสุดได้ 6 หมื่นกว่าบาทบางคนอาจจะไม่รู้ว่าผมขายรถสิบล้อที่ตัวเองเคยมีทำธุรกิจส่วน ตัวไปถึง 2 คันเพื่อนำมาเงินมาช่วยทำทีมตอนเล่นโปรลีกและดิวิชั่น 1 หมดเงินไป 1 ล้านกว่าบาทที่ผมยื่นข้อเสนอไปก็เพราะอยากจะทำงานให้กับทีมแบบฟูลไทม์ตามที่ ทีมอยากให้ผมทำงานให้แบบเต็มเวลาซึ่งหากจะให้ผมไปทำงานให้แบบเต็มเวลาก็ต้อง ลาออกจากการท่าเรือฯ ที่เหลืออีก 2-3 ปีผมก็จะเกษียณแล้วหากผมอยู่จนถึงเกษียณก็จะได้เงินราว 3 ล้านบาทเป็นเงินบำเหน็จก้อนหนึ่งผมก็เสนอเงินดังกล่าวนี้ให้กับบอร์ดบริหาร ทีมไปแต่นี่เขาเหมือนไม่เต็มใจและยังต่อรองผมอีกถามฝ่ายหนึ่งก็โยนให้อีก ฝ่ายตัดสินใจโยนกันไปมาผมว่าไม่ไหวนะแม้จะรักทีมอย่างไรก็คงเดินไปด้วยกัน ไม่ได้แล้วล่ะ"