ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไทยลีกงบสะพรั่ง18ทีมทุ่มร่วมพันล้าน,บุรีรัมย์จัดหนัก120ล.


ศึกลูกหนัง ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ทะลักจุดเดือด ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม 18 สโมสรทุ่มเม็ดเงินลงมาสู้รวมกันนับพันล้านบาท "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ของ "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ จัดหนักสุดอย่างต่ำ 120 ล้านบาท น้อยสุด ราชนาวี แค่ 17 ล้าน ที่เหลือเฉลี่ยระดับ 40-60 ล้าน



การฟาดแข้ง ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ที่จะเปิดฉากขึ้น ในวันที่ 12 ก.พ. นี้ มีการคาดการณ์ว่า ปีนี้เกมการแข่งขันจะดุเดือดกว่าทุกครั้ง เมื่อแต่ละสโมสรต่างทุ่มเม็ดเงินลงมาสู้กันอย่างหนัก เพื่อความสำเร็จของทีม โดยเม็ดเงินทะลุนับ 1,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
ซึ่งสโมสรที่มีการลงทุนสูงที่สุดก็คือ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่อย่างต่ำต้องใช้แน่นอน 120 ล้านบาท เฉพาะเงินเดือนของทีมตกเดือนละ 10 กว่าล้านบาท แล้ว เมื่อใช้ตลอดปีจะเป็นเม็ดเงินที่มหาศาลอย่างมาก ส่วนที่ต่ำที่สุดก็คือ ราชนาวี เมื่อจะใช้งบเท่าเดิมคือ 17-20 ล้านบาท เท่านั้น ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นกองทัพ ที่จะทำทีมเอง ก็ยิ่งมีงบที่น้อยลงตามไปด้วย
ส่วนแชมป์เก่า เมืองทองฯ ยูไนเต็ด เฉลี่ยอยู่ที่ 85-90 ล้านบาท การท่าเรือไทย เอฟซี มีนายทุนใหม่ ก็จะใช้ราว 60-70 ล้านบาท ทีทีเอ็ม พิจิตร ที่มีสปอนเซอร์หนุนมาหลายราย ก็วางงบถึง 90 ล้านบาท เลยทีเดียว ชลบุรี เอฟซี มีการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 50-60 ล้านบาท เช่นเดียวกับ พัทยา ยูไนเต็ด และ ศรีราชา เอฟซี ก็จะใช้เฉลี่ยเท่ากันคือ 50 ล้านบาท
ด้าน โอสถสภา ก็จะสู้มากกว่าเดิมคือ 60 ล้านบาท บีอีซี เทโรศาสน กลับมาทุ่มอีกครั้งที่ 80 ล้านบาท อินทรีเพื่อนตำรวจ ก็อู้ฟู่ไม่แพ้กันที่ 70 ล้านบาท เชียงราย ยูไนเต็ด ก็พร้อมสู้เช่นกันประมาณ 80 ล้านบาท ขอนแก่น เอฟซี วางงบที่ 30 ล้านบาท แต่อาจจะไม่ถึงตามเป้า ทีโอที ที่ยังมีปัญหา แต่ไม่ว่าใครทำ ก็เฉลี่ยที่ 40 ล้านบาท เท่าเดิม
ฝั่ง บางกอกกล๊าส ลดค่าใช้จ่ายลงมาที่ 60 ล้านบาท ศรีสะเกษ ยังคงเท่าเดิมประมาณ 40 ล้านบาท เอสซีจี สมุทรสงคราม ก็ควักมาสู้ประมาณ 50 ล้านบาท ส่วน ทหารบก มีงบหนุนหลายทาง พร้อมทุ่มไม่แพ้กันที่ 50-60 ล้านบาท เลยทีเดียว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์

สวัสดีปีใหม่ไทย เทศกาลสงสงกรานต์ หลายทีมในลีกอาชีพใด้พักซ้อม 2-3 วัน แต่มีทีมเดียวคือ จุฬา ยูไนเต็ด ซ้อมช่วงเทศกาลสงกรานต์ กุนซือใหญ่ชาวแซมบ้า โจเซ่ แฟร์ไรร่า สุดเฮี้ยบ สั่งนักเตะซ้อมตะลุยช่วงสงกรานต์เต็มที่แบบไม่มีหยุดสงกรานต์ อีกทีมที่หยุดวันเดียวคือ แบงค็อก ยูไนเต็ด หวั่นนักเตะกลับมาหมดสภาพ สั่งให้พักแค่ 13 เม.ย. วันเดียว นักเตะอาชีพเป็นงานที่แปลกกว่าอาชีพอื่นมากเลยครับ เทศกาลสงกรานต์นี้ก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ rich_t

ทีโอทีขึ้นป้ายขายกบไซเบอร์อย่างต่ำ1ล้าน

ความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอลในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ช่วงพักเบรกให้ทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกับ นิวซีแลนด์ 2 นัด โดย ทีโอที เอฟซี ทีมอันดับ 7 ของตาราง จากการออกสตาร์ต 3 นัดแรก ได้ตั้งราคาขายนักเตะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมดีกรีทีมชาติไทย "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม มิดฟิลด์เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ของทีม ที่ถือเป็นนักเตะแม่เหล็กประจำทีมอย่างแท้จริง ที่ราคาถึง 1 ล้านกว่าบาทเป็นอย่างต่ำ "โค้ชก๊อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ผจก.ทีมทีโอที กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าเราคิดจะขาย สุเชาว์ นุชนุ่ม เพราะเขาถือเป็นนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญของเราในขณะนี้ แต่หากมีทีมไหนต้องการอยากได้ตัวเขาไปเล่นให้จริงๆ ในฟุตบอลอาชีพ โดยเราตั้งราคาขายไว้ที่หลัก 1 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเล่นกับเรามานาน เรื่องฝีเท้าการันตีความสามารถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการมีดีกรีติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง" "หากถามผมว่า อยากจะขายให้ทีมในประเทศหรือไม่ คงไม่อยากขาย แต่ต้องการให้เขามีโอกาสได้ไปเล่นกับลีกต่างชาติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเอสลีกของสิงคโปร์หรือวีลีกของเวียดนาม เพื่อมีโอกาสได้ไปเก็บเงินสักก้

ชัยนาทเปิดตัวชุดแหวกแนวทุ่มงบ200ล้านเปลี่ยนชื่อหวังติดท็อปไฟ

ชัยนาท ฮอร์นบิล ในชื่อใหม่เปิดตัวชุดแข่งขัน 2014 สุดฉีกแนวพร้อมประกาศงบ 200 ล้านบาทเทียบเท่าบิ๊กทีมหวังผฝาดท็อปไฟว์ของตาราง สโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือ ชัยนาท เอฟซี เดิม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวความพร้อมฤดูกาล 2014สนามเขาพลอง สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (15 ก.พ.) โดยมี อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน สตาฟฟ์โค้ช และนักกีฬาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ชัยนาท ตัดสินใจนำคำว่า ฮอร์นบิล (hornbill) ซึ่งแปลว่านกเงือกสัญลักษณ์ประจำสโมสรและจังหวัดมาต่อท้ายชื่อ พร้อมกับประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 200 ล้านบาท เทียบเท่ากับสโมสรชั้นนำ โดย "เสี่ยแฮงค์" ประธานสโมสรหวังพาทีมจบ 5 อันดับแรกของตารางไทยพรีเมียร์ลีก "ทีมชัยนาทในปีนี้ทุ่มงบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงทีม ไม่ว่าจะเป็นการส่วนซื้อตัวผู้เล่นผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงการปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานกว่าเดิม เพื่อให้สโมสรมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยเป้าหมายอย่างต่ำต้องติดท็อปเท็นของตาราง แต่จะให้ดีต้องติด 1 ใน 5 ถ้าทำได้ถือว่าประสบความสำเร็จ" สุรชัย จตุรภั