ระเบิดแข้งต่อเนื่องไม่ให้เสียเวลา ศึกลูกหนังน็อกเอาต์ "มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2011" เปิดฉากรอบแรก เม.ย. นี้ และกำหนดชิงชนะเลิศต้นเดือน ก.พ.ปีหน้า แถมเพิ่มเงินรางวัล แชมป์รับ 3 ล้านบาท พร้อมมีแจกทุกรอบรวมเบ็ดเสร็จทั้งทัวร์นาเมนต์ ชิงกันถึง 5.5 ล้านบาท เลยทีเดียว
ภายหลังจากที่ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011 ได้เริ่มเปิดฉากกันไปเป็นที่เรียบร้อย ศึกลูกหนังถ้วยน็อกเอาต์ มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ เตรียมจะระเบิดแข้งเช่นกัน ถือเป็นรายการน็อกเอาต์ ที่หลายทีมเฝ้ารอคอย
"ยิ่งลักษณ์" นำทีมแถลงข่าว
ฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ได้จุดประกายให้เกิดความคึกคักมาแล้ว 2 ปี โดยในปีแรกการท่าเรือไทย เอฟซีคว้าแชมป์ไปครอง และแชมป์ล่าสุดได้แก่ ชลบุรี เอฟซี มาฤดูกาล 2011 นี้ทางมูลนิธิไทยคมยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อเจตนารมณ์เช่นเดิมด้วยการจัดอย่างต่อเนื่อง และได้มีการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่รร.โกลเด้น ทิวลิป พระราม 9
โดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม, วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, สรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บ.สยามสปอร์ตมีเดีย แมเนจเม้นท์ และ อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ผอ.ฝ่ายพัฒนาบุคลากร กรมพลศึกษา และประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลฯ ร่วมแถลงถึงเกมการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
"บังยี" เชื่อปีนี้คึกคักมากขึ้น
"บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวขอบคุณมูลนิธิไทยคม ที่ช่วยสนับสนุนฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่จัดต่อเนื่องมา 2 ปี และได้รับความนิยมจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก ซึ่งทีมที่คว้าแชมป์ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่ไม่แพ้ใคร
นอกจากนี้ยังจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี คัพอีกด้วย และ 2 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง มาถึงปีนี้การแข่งขันยิ่งจะทวีคูณความเร้าใจมากกว่าเดิม อยากจะให้ติดตามลุ้นกันว่าทีมใดที่จะคว้าแชมป์ไปครอง ทั้งนี้โปรแกรมการแข่งขันจะไม่ให้กระทบกับไทยลีกอย่างแน่นอน โดยอาจจะสอดแทรกในช่วงกลางสัปดาห์แทน และจะไม่เตะถี่เกินไป
จัดฟุตบอลแคมป์มุ่งหาช้างเผือก
ด้าน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม เผยถึงการสนับสนุนการแข่งขันว่า ทางมูลนิธิไทยคมมีเป้าหมายชัดเจนในเรื่องการส่งเสริมกีฬา โดยเฉพาะวงการฟุตบอล เรามีเจตนาดีที่อยากจะให้ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ แต่อีกจุดมุ่งหมายที่มูลนิธิทำมาตลอด คือการส่งเสริมเยาวชนในการเล่นกีฬา และพัฒนาทักษะก้าวไปสู่นักฟุตบอลอาชีพ และได้ทำมาแล้ว 2 ปี
แต่ว่าปีนี้จะจัดเป็นโครงการมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ฟุตบอลแคมป์ 2011 ขึ้นมาเลย โดยหลักการจะเน้นนักเตะเยาวชนอายุระหว่าง 15-18 ปี ทำการคัดเลือกจากทั่วประเทศรวม 5 ภาค คือภาคกรุงเทพฯ และตะวันออกที่ชลบุรี, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่น, ภาคเหนือที่เชียงใหม่, ภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี และภาคกลางที่พิจิตร
โดยเราจะรับสมัครภาคละ 200 คน จากนั้นจะคัดให้เหลือ 10 คน รวมเป็น 50 คนที่จะมาเข้าแคมป์กันที่ ม.ชินวัตร จ.ปทุมธานี เป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่จะเฟ้นให้เหลือ 10 คนที่จะเป็นช้างเผือกทางด้านฟุตบอลของมูลนิธิต่อไป ทั้งนี้จะมีการส่งเสริมให้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี โดยมีทุนการศึกษาให้ปีละ 10,000 บาทต่อคนต่อปีด้วย
"โค้ชหรั่ง" เฟ้นเองเน้นโปรแกรมโหด
ส่วนผู้ที่จะมาทำการเฟ้นหาช้างเผือก ในฟุตบอลแคมป์ครั้งนี้ ทางด้าน "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน จะลงมาลุยด้วยตัวเอง กล่าวว่า การตระเวนค้นหานักเตะเยาวชนครั้งนี้ บอกตรงๆ ว่าเราต้องการนักเตะที่เก่งจริงๆ ให้สมกับเป็นช้างเผือก
ฉะนั้นโปรแกรมการฝึกจะมีหลายรูปแบบ ทั้งจากสโมสรดังๆ เช่น ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และระดับทีมชาติ จะมีองค์ประกอบพื้นฐานคือเบสิกที่จะต้องแน่นจริงๆ ประเภทเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง คือต้องครบเครื่อง
และบอกเลยว่า 10 คนที่เราได้มาจะเป็นของแท้แน่นอน ทั้งนี้ในการเข้าแคมป์รอบสุดท้าย บรรดาสโมสรต่างๆ สามารถส่งสเกาต์ไปดูฝีเท้าได้ และสนใจนักเตะคนไหนทางมูลนิธิไทยคมก็ยินดีที่จะให้ทำการเซ็นสัญญากันเลย โดยตนบอกคำเดียวว่านักเตะที่เราจะได้สามารถเล่นระดับดิวิชั่น 1 หรือไทยลีกได้เลย
เพิ่มเงินรางวัลแชมป์รับ 3 ล้าน
สำหรับมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2011 ในปีนี้ทีมที่จะเป็นแชมป์ได้เฮอีกแล้ว เมื่อจะมีการเพิ่มเงินรางวัลอีกเท่าตัว โดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผยว่า ปีที่แล้วแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท แต่ว่าปีนี้เราเพิ่มเป็น 3 ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ยังได้ 5 แสนบาทเช่นเดิม ส่วนในรอบต่างๆ ที่ลงทำการแข่งขันยังจะมีเงินรางวัลให้เช่นเดิมในทุกรอบ สรุปเงินรางวัลตลอดทัวร์นาเมนต์ในปีนี้เป็นเงินจำนวน 5.5 ล้านบาททีเดียว
ฮอนด้าร่วมแจกยิงประตูเร็ว
ขณะเดียวกันทางด้านฮอนด้าผู้ร่วมสนับสนุนการแข่งขันจะมีการแจกรถจักรยานยนต์รวม 9 คันด้วยกัน โดยในการแข่งขันรอบสองถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย จะเป็นการแจกให้กับนักเตะที่ยิงประตูเร็วของแต่ละรอบรวมแล้ว 4 คัน
ส่วนรอบรองชนะเลิศจะมอบให้กับแมน ออฟ เดอะแมตช์ของแต่ละคู่ ขณะที่รอบชิงชนะเลิศจะมอบให้ทั้งนักเตะยอดเยี่ยม, ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม และดาวซัลโวสูงสุด ซึ่งถือเป็นอีกรางวัลที่จะกระตุ้นให้เกมการแข่งขันเร้าใจมากยิ่งขึ้น
ทีมไทยลีกรอรอบ3เริ่มหวด เม.ย.
ด้าน สรายุทธ มหวลีรัตน์ เผยถึงแนวทางการจัดการแข่งขันว่า ปีนี้จะยังเป็นไปในรูปแบบเดิม คือทุกสโมสรมีสิทธิ์สมัครเข้าร่วมแข่งขัน โดยในรอบแรกจะเป็นทีมลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ผสมกับทีมฟุตบอลถ้วย ข, ค และ ง ไม่ว่าจะสมัครมากเท่าไหร่ จะจัดเตะให้เหลือจำนวน 18 ทีมเท่านั้น ที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสอง
ในรอบนี้จะมีสโมสรดิวิชั่น 1 จำนวน 18 ทีมยืนรออยู่ ทำการจับสลากประกบคู่ให้เหลือ 18 ทีมที่จะผ่านเข้ารอบสาม รอบนี้จะเป็นสโมสรระดับไทยลีก 18 ทีมที่ยืนรออยู่ เท่ากับว่ารอบสามจะมีทั้งสิ้น 36 ทีม แต่ด้วยตัวเลขที่ไม่ลงตัวจึงทำให้มี 4 ทีมที่โชคร้ายจะต้องเตะ 2 ครั้ง เพื่อให้เหลือ 16 ทีม และทำการน็อกเอาต์จนถึงนัดชิงชนะเลิศต่อไป
ทั้งนี้ทีมที่จะสมัครในรอบแรกจะต้องมีความพร้อมตามที่สมาคมฟุตบอลฯ กำหนด เช่นมีสนามเหย้าเป็นของตัวเอง โดยการแข่งขันรายได้จะแบ่งให้ทีมเจ้าบ้าน 70 เปอร์เซ็นต์ และทีมเยือน 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ให้สมัครได้ตลอดเดือน มี.ค. นี้ ที่สมาคมฟุตบอลฯ และจะมีการแข่งขันตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นไป กำหนดไปชิงชนะเลิศต้นเดือน ก.พ. ปีหน้า