แข้งไทยสุดชื่นมื่นรับ 2 ล้านตามสัญญาจากสมาคมฟุตบอลฯ
แถมข่าวดีเด้งสองเตรียมยกเลิกชุดแข่งสีเหลืองและกลับมาให้สี "แดง" และ
"น้ำเงิน" ตามเดิม หลังทำผลงานได้ดีมากกว่าตอนใส่สีเหลือง นอกจากนั้น
โตโยต้า และสมาคมฟุตบอลไทยฯ ร่วมมือกันมอบรถโตโยต้า คัมรี่ มูลค่ากว่า 1.5
ล้านบาทให้ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย
ฐานะสร้างความสุขให้แฟนบอล
แข้งไทยเฮ! รับ 2 ล้านเหนาะๆ
ภายหลังจากเก็บ 3 คะแนน จาก 2 นัด ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย สำหรับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ทำให้รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่ม ดี รองจากออสเตรเลีย ที่มี 6 แต้มเต็ม ส่งผลให้โอกาสเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายของทีมชาติไทยค่อนข้างเปิดกว้างพอสมควร
จากชัยชนะเหนือโอมาน 3-0 ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 7 ก.ย. 2554 ที่ผ่านมาที่ร้านอาหารสมบูรณ์ "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เป็นตัวแทน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ที่ติดภารกิจเดินทางไปประชุมซอคเก้อร์บีช ที่ประเทศอิตาลี นำเงินจำนวน 2 ล้านบาทเพื่อมามอบให้กับทัพนักเตะทีมชาติไทย ตามสัญญาหากสามารถเก็บชัยชนะเหนือโอมาน ได้สร้างความชื่นมื่นให้กับนักเตะทุกคน
"เปี๊ยก" แจงเตะ 6 โมงเพราะถ่ายสด
โดย "บิ๊กเปี๊ยก" ยังได้อธิบายเรื่องของเวลาแข่งขันที่ทีมชาติไทยจะเตะในบ้านของตัวเองทั้ง 3 นัด ในเวลา 18.00 น. ทั้งหมด โดยเปิดเผยว่าถึงตอนนี้ทาง เอเอฟซี ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเวลาแข่งแล้วหลังจากทีมชาติไทย แจ้งเปลี่ยนเวลาแข่งถึงสองครั้ง ซึ่งสาเหตุที่ต้องเตะ 18.00 น. นั้นเกิดจากเรื่องของการถ่ายทอดสด
"เราเข้าใจดีว่าแฟนบอลติดปัญหาเรื่องของเวลาเลิกงานและต้อง ใช้เวลาในการเดินทางมาสนาม แต่เราได้แจ้งกับทาง เอเอฟซี ถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกแจ้งเตะเวลา 18.30 น. และครั้งสองแจ้งเตะเวลา 19.00 น. แต่ทั้งสองเวลามันไม่สอดคล้องกับเวลาของการถ่ายทอดสด ซึ่งติดเรื่องของข่าวพระราชสำนักซึ่งไม่สามารถเลี่ยงได้ และคิดว่าช่อง 11 ที่อนุเคราะห์เวลาถ่ายทอดสดให้เราได้ชมนั้นถือเป็นทางเลือกที่ทำเพื่อแฟนบอล ชาวไทยให้ได้รับชมการถ่ายทอดสด ส่วนช่องอื่นๆ ติดเรื่องของละครและกระทบผังทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่เราจะเตะในสองเวลาดังกล่าว อีกทั้ง เอเอฟซี ได้ส่งหนังสือมาต่อว่าเราเหมือนกันและไม่ให้เปลี่ยนแปลงเวลาแข่งทำให้เรา ต้องเล่นตอน 18.00 น. ทั้งสามนัด"
เปิดช่องขายบัตรให้มากกว่าเดิม
"บิ๊กเปี๊ยก" ยังบอกอีกว่าส่วนหนึ่งที่มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลเรื่องของเวลาแข่งเกิด จากกระแสของทีมชาติไทยที่แรงจริงๆ โดยเฉพาะผลงานในนัดแรกที่เล่นกับ ออสเตรเลียได้ดี ทำให้แฟนบอลต้องการเข้ามาชมเกมในสนามมากขึ้น อย่างไรก็ดียอมรับในเรื่องของช่องทางการจำหน่ายบัตรเข้าชมและพร้อมที่จะปรับ ใหม่ทั้งหมด
"ช่องทางการจำหน่ายบัตรจริงๆ แล้วเราให้เปิดจองทาง ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ www.thaiticketmajor.com ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ในเกมกับซาอุฯ และ ออสเตรเลีย เราจะเปิดช่องในการขายหน้าสนามเพิ่มมากขึ้นเพื่อแฟนบอลจะได้ไม่ต้องต่อแถม เป็นทางยาว"
นอกจากนั้น "บิ๊กเปี๊ยก" ยังได้ประสานไปยัง สน.หัวหมาก เกี่ยวกับการจราจร ซึ่งจะให้ สน.หัวหมาก ช่วยในเรื่องของการปล่อยรถบริเวณหน้าสนาม และคิดว่าน่าจะดีขึ้นสำหรับแฟนบอลที่เดินทางมาชมเกมด้วยรถส่วนตัว
ยกเลิก "สีเหลือง" กลับใช้ "แดง-น้ำเงิน"
สำหรับชุดแข่งขันของทีมชาติไทย ภายหลังจากมีการแจ้งไปยังสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับการใช้สีเหลืองเป็นสีหลักของทีมชาติไทย ทว่าผลงานกลับไม่สู้ดี อีกทั้งมีกระแสเรียกร้องจากแฟนบอลให้มีการกลับมาใช้สีแดงเป็นสีหลักตามเดิม
โดยเรื่องนี้ทาง "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า ยืนยันว่าในปีหน้าทีมชาติไทยจะกลับมาสวมเสื้อสีแดงเป็นสีหลักเหมือนเดิม และมีสีน้ำเงินเป็นสีรอง ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลฯ จะแจ้งไปยัง ฟีฟ่า ทันทีที่จบปีนี้ ส่วนโปรแกรมที่เหลือในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หากเป็นไปได้จะใส่สีน้ำเงินลงสนามเป็นหลักในกรณีที่ไม่ซ้ำกับทีมเจ้าบ้าน
ภายหลังจากเก็บ 3 คะแนน จาก 2 นัด ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย สำหรับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ทำให้รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่ม ดี รองจากออสเตรเลีย ที่มี 6 แต้มเต็ม ส่งผลให้โอกาสเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายของทีมชาติไทยค่อนข้างเปิดกว้างพอสมควร
จากชัยชนะเหนือโอมาน 3-0 ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 7 ก.ย. 2554 ที่ผ่านมาที่ร้านอาหารสมบูรณ์ "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เป็นตัวแทน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ที่ติดภารกิจเดินทางไปประชุมซอคเก้อร์บีช ที่ประเทศอิตาลี นำเงินจำนวน 2 ล้านบาทเพื่อมามอบให้กับทัพนักเตะทีมชาติไทย ตามสัญญาหากสามารถเก็บชัยชนะเหนือโอมาน ได้สร้างความชื่นมื่นให้กับนักเตะทุกคน
โดย "บิ๊กเปี๊ยก" ยังได้อธิบายเรื่องของเวลาแข่งขันที่ทีมชาติไทยจะเตะในบ้านของตัวเองทั้ง 3 นัด ในเวลา 18.00 น. ทั้งหมด โดยเปิดเผยว่าถึงตอนนี้ทาง เอเอฟซี ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเวลาแข่งแล้วหลังจากทีมชาติไทย แจ้งเปลี่ยนเวลาแข่งถึงสองครั้ง ซึ่งสาเหตุที่ต้องเตะ 18.00 น. นั้นเกิดจากเรื่องของการถ่ายทอดสด
"เราเข้าใจดีว่าแฟนบอลติดปัญหาเรื่องของเวลาเลิกงานและต้อง ใช้เวลาในการเดินทางมาสนาม แต่เราได้แจ้งกับทาง เอเอฟซี ถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกแจ้งเตะเวลา 18.30 น. และครั้งสองแจ้งเตะเวลา 19.00 น. แต่ทั้งสองเวลามันไม่สอดคล้องกับเวลาของการถ่ายทอดสด ซึ่งติดเรื่องของข่าวพระราชสำนักซึ่งไม่สามารถเลี่ยงได้ และคิดว่าช่อง 11 ที่อนุเคราะห์เวลาถ่ายทอดสดให้เราได้ชมนั้นถือเป็นทางเลือกที่ทำเพื่อแฟนบอล ชาวไทยให้ได้รับชมการถ่ายทอดสด ส่วนช่องอื่นๆ ติดเรื่องของละครและกระทบผังทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่เราจะเตะในสองเวลาดังกล่าว อีกทั้ง เอเอฟซี ได้ส่งหนังสือมาต่อว่าเราเหมือนกันและไม่ให้เปลี่ยนแปลงเวลาแข่งทำให้เรา ต้องเล่นตอน 18.00 น. ทั้งสามนัด"
เปิดช่องขายบัตรให้มากกว่าเดิม
"บิ๊กเปี๊ยก" ยังบอกอีกว่าส่วนหนึ่งที่มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลเรื่องของเวลาแข่งเกิด จากกระแสของทีมชาติไทยที่แรงจริงๆ โดยเฉพาะผลงานในนัดแรกที่เล่นกับ ออสเตรเลียได้ดี ทำให้แฟนบอลต้องการเข้ามาชมเกมในสนามมากขึ้น อย่างไรก็ดียอมรับในเรื่องของช่องทางการจำหน่ายบัตรเข้าชมและพร้อมที่จะปรับ ใหม่ทั้งหมด
"ช่องทางการจำหน่ายบัตรจริงๆ แล้วเราให้เปิดจองทาง ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ www.thaiticketmajor.com ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ในเกมกับซาอุฯ และ ออสเตรเลีย เราจะเปิดช่องในการขายหน้าสนามเพิ่มมากขึ้นเพื่อแฟนบอลจะได้ไม่ต้องต่อแถม เป็นทางยาว"
นอกจากนั้น "บิ๊กเปี๊ยก" ยังได้ประสานไปยัง สน.หัวหมาก เกี่ยวกับการจราจร ซึ่งจะให้ สน.หัวหมาก ช่วยในเรื่องของการปล่อยรถบริเวณหน้าสนาม และคิดว่าน่าจะดีขึ้นสำหรับแฟนบอลที่เดินทางมาชมเกมด้วยรถส่วนตัว
ยกเลิก "สีเหลือง" กลับใช้ "แดง-น้ำเงิน"
สำหรับชุดแข่งขันของทีมชาติไทย ภายหลังจากมีการแจ้งไปยังสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับการใช้สีเหลืองเป็นสีหลักของทีมชาติไทย ทว่าผลงานกลับไม่สู้ดี อีกทั้งมีกระแสเรียกร้องจากแฟนบอลให้มีการกลับมาใช้สีแดงเป็นสีหลักตามเดิม
โดยเรื่องนี้ทาง "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า ยืนยันว่าในปีหน้าทีมชาติไทยจะกลับมาสวมเสื้อสีแดงเป็นสีหลักเหมือนเดิม และมีสีน้ำเงินเป็นสีรอง ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลฯ จะแจ้งไปยัง ฟีฟ่า ทันทีที่จบปีนี้ ส่วนโปรแกรมที่เหลือในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หากเป็นไปได้จะใส่สีน้ำเงินลงสนามเป็นหลักในกรณีที่ไม่ซ้ำกับทีมเจ้าบ้าน