ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตัดสินชลบุรีเตะสนามกลาง2นัด,แบนแฟนปรับ5หมื่น

"ฉลามชล" ชลบุรี โดนแบนห้ามเตะในบ้าน 2 นัดและห้ามแฟนบอลตัวเองเข้าชมเกมด้วย พร้อมปรับเงินอีก 5 หมื่นบาท จากเหตุการณ์ความวุ่นวายหลังเกมโตโยต้า ลีก คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาประเมินผลผู้ตัดสิน พร้อมฟัน มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวเพราะทำหน้าที่ผิดพลาดบ่อย



ความเคลื่อนไหวหลังเกมโตโยต้า ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ระหว่าง "ฉลามชล" ชลบุรี กับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า ชลบุรีชนะ 3-3 สกอร์รวม 3-3 แต่ บุรีรัมย์ พีอีเอ เข้าชิงฯ ตามกฎประตูทีมเยือน




โดยหลังจบเกมมีแฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้ไปรวมตัวก่อนหน้าสนามแข่งขันเพื่อรอต้อนรับนักเตะทั้งสองทีม ทว่าพอนักเตะบุรีรัมย์ พีอีเอ เดินออกมาขึ้นรถบัสของสโมสร แฟนบอลหลายสิบคนได้ตะโกนโห่ร้องและจากนั้นรถบัสของสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ได้เคลื่อนตัวออกจากสนาม ปรากฏว่าแฟนบอลได้ขว้างปาสิ่งของ อาทิ ขวดน้ำ, กระป๋องน้ำ, เก้าอี้พลาสติก, กรวยกั้นถนน ฯลฯ ใส่รถของบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นเหตุให้กระจกรถมีรอยแตกร้าว 2 บาน จากการโดนของแข็งขว้างปาซึ่งคาดว่าเป็นก้อนหินและอิฐ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นการเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2554 ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก แฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้กระทำในลักษณะเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกลงโทษด้วยการห้ามลงเตะในบ้านตัวเอง 1 นัด


ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 4 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมพ่วงบุตร ภายในสนามศุภชลาศัย ได้มีการประชุมเพื่อหาบทลงโทษจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ในฐานะคณะกรรมการพิจารณามารยาทวินัยและข้อประท้วงของสมาคมฟุตบอลฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก, "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาและประเมินผลผู้ตัดสินร่วมประชุม



โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ซึ่งมี วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี มาร่วมชี้แจงและรับฟังผลการตัดสินด้วย ซึ่งผลการตัดสินปรากฏว่าทางคณะกรรมการฯ ได้ลงโทษชลบุรี ห้ามเตะในบ้านของตัวเองคือ ชลบุรี สเตเดี้ยม ในเกมที่ชลบุรีเป็นเจ้าบ้านจำนวน 2 นัด โดยจะต้องเล่นที่สนามเป็นกลางที่สมาคมฟุตบอลฯ รับรอง และปรับเงิน 5 หมื่นบาท โทษฐานที่ไม่สามารถควบคุมแฟนบอลได้


นอกจากนั้นใน 2 แมตช์ที่ชลบุรีไม่ได้เตะในบ้านของตัวเอง แฟนบอล "ฉลามชล" จะถูกแบนห้ามเข้าชมเกมในสนามด้วย ทั้งนี้ในเกมที่ชลบุรีห้ามลงเตะในบ้านของตัวเองจำนวน 2 นัด คือแมตช์วันที่ 15 ต.ค. ที่จะพบกับ อินทรีเพื่อนตำรวจ และแมตช์วันที่ 3 ธ.ค. พบกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเกมสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งสองเกม โดยทางชลบุรีจะส่งมอบตั๋วเข้าชมเกมให้กับทั้งสองสโมสรในการดำเนินการขายตั๋วเองเพื่อป้องกันแฟนบอลชลบุรีที่จะสวมรอยเข้าไปชมเกม



ด้าน "บิ๊กหนก" กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ในฐานะสโมสรที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกระทำในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เปิดเผยหลังทราบผลการตัดสินโดยบอกว่าไม่ขอออกความเห็นใดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องของทางสมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายพิจารณาโทษว่าเห็นสมควรอย่างไร ซึ่งจะบอกว่าโทษที่ออกมารุนแรงหรือเบาเกินไปหรือไม่นั้น ตนเองเคารพในการตัดสินของสมาคมฯ อยู่แล้ว


ส่วนอนาคตที่มีโอกาสไปเยือนชลบุรีอีกครั้ง ในเกมมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ หากจับฉลากประกบคู่มาเจอกัน ทาง "บิ๊กหนก" บอกว่าพร้อมที่จะเดินทางไปอยู่แล้ว ส่วนจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้นคงตอบไม่ได้


วิทยาขอเวลาก่อนอุทธรณ์หรือไม่


ขณะที่ วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี ภายหลังจากทราบบทลงโทษได้เปิดเผยว่าจะรอหนังสือบทลงโทษอย่างเป็นทางการจากทางสมาคมฟุตบอลฯ ในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) ก่อนจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการเรื่องของผลอุทธรณ์หรือไม่


นอกจากนั้น วิทยา คุณปลื้ม ยังบอกอีกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางชลบุรียอมรับความผิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทางสโมสรไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแฟนบอลกลุ่มก่อเหตุและขอประนามกับการกระทำครั้งนี้ ซึ่งจะดำเนินการหาคนกระทำผิดมาลงโทษทั้งทางสโมสรและกฎหมาย


ปิดแฟนโซนห้ามแฟนเข้าถึงนักเตะ



ทั้งนี้สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในเกมต่อๆ ไป ทาง วิทยา คุณปลื้ม ได้บอกว่าจะแยกทางออกของกองเชียร์ไม่ให้เข้ามาภายในพื้นที่ของทางออกนักเตะ นั่นหมายความว่าจะปิดในส่วนของแฟนโซนเพื่อไม่ให้แฟนบอลได้เข้ามาใกล้ชิดกับนักเตะทั้งสองทีม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลที่ต้องการถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักฟุตบอล แต่เป็นสิ่งที่ทางสโมสรต้องหาทางออกเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก


อย่างไรก็ดี ประธานสโมสรชลบุรีได้บอกด้วยว่า ณ ตอนนี้มีแฟนบอลชลบุรีคนนึงได้มาสารภาพผิดแล้วว่า เป็นคนปาสิ่งของใส่รถบัสของบุรีรัมย์ พีอีเอ โดยทราบชื่อคือ "ตั้มบ้านสวน" ซึ่งได้สารภาพว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยทางสโมสรได้สั่งให้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่การลงโทษจากทางสโมสรจะห้ามให้เข้าชมเกมที่ชลบุรีเตะในบ้าน ส่วนจะเป็นเวลากี่แมตช์นั้นจะต้องดูเหตุผลอีกครั้ง


คาดเสียรายได้สองเกมเกือบ 5 ล้าน


จากบทลงโทษที่ออกมา ทำให้ชลบุรีสูญเสียประโยชน์หลายด้านโดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่จะหายไปหลักล้านบาท ซึ่งการห้ามลงเล่นในบ้านจำนวน 2 นัดโดยที่ต้องเช่าสนามกลางทำการแข่งขัน จะต้องเสียค่าเช่าสนามทั้งสองเกมจำนวนหลักแสนบาท



ขณะที่การห้ามแฟนบอลตัวเองเข้าชมเกมในสนามจะทำให้สูญเสียรายได้จากค่าบัตรเข้าชมเกมและขายของที่ระลึกตกนัดละ 1.5 ล้านบาท รวม 3 ล้านบาท เนื่องจากทุกเกมที่ชลบุรีได้เล่นในบ้านของตัวเองในแมตช์ผ่านๆ มา จะเก็บค่าบัตรเข้าชมรวมกับขายของที่ระลึกในวงเงินดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าบทลงโทษที่ออกมาครั้งนี้ จะทำให้ชลบุรีเสียรายได้เกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว



"เสธตุ้ม" พร้อมลงโทษผู้ตัดสินนัดปัญหา


ด้านการตัดสินของ มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าในเกมระหว่าง ชลบุรี กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในศึกโตโยต้า ลีก คัพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งเคสที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ โดยทาง "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาประเมินผู้ตัดสิน ได้ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินคนดังกล่าวมีความผิดพลาดชัดเจนในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะจังหวะพุ่งเสียบของ สุจินต์ นาคนายม ผู้รักษาประตูชลบุรี ที่ตั้งใจพุ่งเสียบสองเท้าใส่หน้าแข้งของ แฟร้งค์ โอแฮนด์ซ่า กองหน้าบุรีรัมย์ พีอีเอ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในจังหวะดังกล่าวสมควรที่จะเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทว่าผู้ตัดสินกลับให้เป็นเพียงใบเหลืองเท่านั้น


นอกจากนั้นในจังหวะที่ เคนเน็ธ กองหลังชลบุรี ถูกใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงเพราะมองว่า เคนเน็ธชักศอกใส่ แฟร้งค์ อาเชียมปง ของบุรีรัมย์ พีอีเอ แต่จังหวะดังกล่าวผู้ตัดสินได้ให้ใบเหลืองแก่อาเชียมปงด้วย พร้อมให้ฟรีคิกกับทางชลบุรี ทั้งๆ ที่มองว่า เคนเน็ธเป็นคนฟาวล์ ซึ่งจังหวะนี้ทาง "เสธ.ตุ้ม" ยอมรับว่าสถานการณ์ค่อนข้างกดดันผู้ตัดสินพอสมควร แต่ไม่ลืมที่จะเอามาเข้าประชุมเพื่อหาบทลงโทษผู้ตัดสินต่อไป

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์

สวัสดีปีใหม่ไทย เทศกาลสงสงกรานต์ หลายทีมในลีกอาชีพใด้พักซ้อม 2-3 วัน แต่มีทีมเดียวคือ จุฬา ยูไนเต็ด ซ้อมช่วงเทศกาลสงกรานต์ กุนซือใหญ่ชาวแซมบ้า โจเซ่ แฟร์ไรร่า สุดเฮี้ยบ สั่งนักเตะซ้อมตะลุยช่วงสงกรานต์เต็มที่แบบไม่มีหยุดสงกรานต์ อีกทีมที่หยุดวันเดียวคือ แบงค็อก ยูไนเต็ด หวั่นนักเตะกลับมาหมดสภาพ สั่งให้พักแค่ 13 เม.ย. วันเดียว นักเตะอาชีพเป็นงานที่แปลกกว่าอาชีพอื่นมากเลยครับ เทศกาลสงกรานต์นี้ก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ rich_t

ทีโอทีขึ้นป้ายขายกบไซเบอร์อย่างต่ำ1ล้าน

ความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอลในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ช่วงพักเบรกให้ทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกับ นิวซีแลนด์ 2 นัด โดย ทีโอที เอฟซี ทีมอันดับ 7 ของตาราง จากการออกสตาร์ต 3 นัดแรก ได้ตั้งราคาขายนักเตะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมดีกรีทีมชาติไทย "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม มิดฟิลด์เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ของทีม ที่ถือเป็นนักเตะแม่เหล็กประจำทีมอย่างแท้จริง ที่ราคาถึง 1 ล้านกว่าบาทเป็นอย่างต่ำ "โค้ชก๊อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ผจก.ทีมทีโอที กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าเราคิดจะขาย สุเชาว์ นุชนุ่ม เพราะเขาถือเป็นนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญของเราในขณะนี้ แต่หากมีทีมไหนต้องการอยากได้ตัวเขาไปเล่นให้จริงๆ ในฟุตบอลอาชีพ โดยเราตั้งราคาขายไว้ที่หลัก 1 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเล่นกับเรามานาน เรื่องฝีเท้าการันตีความสามารถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการมีดีกรีติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง" "หากถามผมว่า อยากจะขายให้ทีมในประเทศหรือไม่ คงไม่อยากขาย แต่ต้องการให้เขามีโอกาสได้ไปเล่นกับลีกต่างชาติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเอสลีกของสิงคโปร์หรือวีลีกของเวียดนาม เพื่อมีโอกาสได้ไปเก็บเงินสักก้

ชัยนาทเปิดตัวชุดแหวกแนวทุ่มงบ200ล้านเปลี่ยนชื่อหวังติดท็อปไฟ

ชัยนาท ฮอร์นบิล ในชื่อใหม่เปิดตัวชุดแข่งขัน 2014 สุดฉีกแนวพร้อมประกาศงบ 200 ล้านบาทเทียบเท่าบิ๊กทีมหวังผฝาดท็อปไฟว์ของตาราง สโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือ ชัยนาท เอฟซี เดิม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวความพร้อมฤดูกาล 2014สนามเขาพลอง สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (15 ก.พ.) โดยมี อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน สตาฟฟ์โค้ช และนักกีฬาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ชัยนาท ตัดสินใจนำคำว่า ฮอร์นบิล (hornbill) ซึ่งแปลว่านกเงือกสัญลักษณ์ประจำสโมสรและจังหวัดมาต่อท้ายชื่อ พร้อมกับประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 200 ล้านบาท เทียบเท่ากับสโมสรชั้นนำ โดย "เสี่ยแฮงค์" ประธานสโมสรหวังพาทีมจบ 5 อันดับแรกของตารางไทยพรีเมียร์ลีก "ทีมชัยนาทในปีนี้ทุ่มงบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงทีม ไม่ว่าจะเป็นการส่วนซื้อตัวผู้เล่นผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงการปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานกว่าเดิม เพื่อให้สโมสรมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยเป้าหมายอย่างต่ำต้องติดท็อปเท็นของตาราง แต่จะให้ดีต้องติด 1 ใน 5 ถ้าทำได้ถือว่าประสบความสำเร็จ" สุรชัย จตุรภั