"ฉลามชล" ชลบุรี โดนแบนห้ามเตะในบ้าน 2 นัดและห้ามแฟนบอลตัวเองเข้าชมเกมด้วย พร้อมปรับเงินอีก 5 หมื่นบาท จากเหตุการณ์ความวุ่นวายหลังเกมโตโยต้า ลีก คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาประเมินผลผู้ตัดสิน พร้อมฟัน มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวเพราะทำหน้าที่ผิดพลาดบ่อย
ความเคลื่อนไหวหลังเกมโตโยต้า ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ระหว่าง "ฉลามชล" ชลบุรี กับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า ชลบุรีชนะ 3-3 สกอร์รวม 3-3 แต่ บุรีรัมย์ พีอีเอ เข้าชิงฯ ตามกฎประตูทีมเยือน
โดยหลังจบเกมมีแฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้ไปรวมตัวก่อนหน้าสนามแข่งขันเพื่อรอต้อนรับนักเตะทั้งสองทีม ทว่าพอนักเตะบุรีรัมย์ พีอีเอ เดินออกมาขึ้นรถบัสของสโมสร แฟนบอลหลายสิบคนได้ตะโกนโห่ร้องและจากนั้นรถบัสของสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ได้เคลื่อนตัวออกจากสนาม ปรากฏว่าแฟนบอลได้ขว้างปาสิ่งของ อาทิ ขวดน้ำ, กระป๋องน้ำ, เก้าอี้พลาสติก, กรวยกั้นถนน ฯลฯ ใส่รถของบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นเหตุให้กระจกรถมีรอยแตกร้าว 2 บาน จากการโดนของแข็งขว้างปาซึ่งคาดว่าเป็นก้อนหินและอิฐ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นการเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2554 ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก แฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้กระทำในลักษณะเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกลงโทษด้วยการห้ามลงเตะในบ้านตัวเอง 1 นัด
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 4 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมพ่วงบุตร ภายในสนามศุภชลาศัย ได้มีการประชุมเพื่อหาบทลงโทษจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ในฐานะคณะกรรมการพิจารณามารยาทวินัยและข้อประท้วงของสมาคมฟุตบอลฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก, "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาและประเมินผลผู้ตัดสินร่วมประชุม
โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ซึ่งมี วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี มาร่วมชี้แจงและรับฟังผลการตัดสินด้วย ซึ่งผลการตัดสินปรากฏว่าทางคณะกรรมการฯ ได้ลงโทษชลบุรี ห้ามเตะในบ้านของตัวเองคือ ชลบุรี สเตเดี้ยม ในเกมที่ชลบุรีเป็นเจ้าบ้านจำนวน 2 นัด โดยจะต้องเล่นที่สนามเป็นกลางที่สมาคมฟุตบอลฯ รับรอง และปรับเงิน 5 หมื่นบาท โทษฐานที่ไม่สามารถควบคุมแฟนบอลได้
นอกจากนั้นใน 2 แมตช์ที่ชลบุรีไม่ได้เตะในบ้านของตัวเอง แฟนบอล "ฉลามชล" จะถูกแบนห้ามเข้าชมเกมในสนามด้วย ทั้งนี้ในเกมที่ชลบุรีห้ามลงเตะในบ้านของตัวเองจำนวน 2 นัด คือแมตช์วันที่ 15 ต.ค. ที่จะพบกับ อินทรีเพื่อนตำรวจ และแมตช์วันที่ 3 ธ.ค. พบกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเกมสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งสองเกม โดยทางชลบุรีจะส่งมอบตั๋วเข้าชมเกมให้กับทั้งสองสโมสรในการดำเนินการขายตั๋วเองเพื่อป้องกันแฟนบอลชลบุรีที่จะสวมรอยเข้าไปชมเกม
ด้าน "บิ๊กหนก" กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ในฐานะสโมสรที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกระทำในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เปิดเผยหลังทราบผลการตัดสินโดยบอกว่าไม่ขอออกความเห็นใดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องของทางสมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายพิจารณาโทษว่าเห็นสมควรอย่างไร ซึ่งจะบอกว่าโทษที่ออกมารุนแรงหรือเบาเกินไปหรือไม่นั้น ตนเองเคารพในการตัดสินของสมาคมฯ อยู่แล้ว
ส่วนอนาคตที่มีโอกาสไปเยือนชลบุรีอีกครั้ง ในเกมมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ หากจับฉลากประกบคู่มาเจอกัน ทาง "บิ๊กหนก" บอกว่าพร้อมที่จะเดินทางไปอยู่แล้ว ส่วนจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้นคงตอบไม่ได้
วิทยาขอเวลาก่อนอุทธรณ์หรือไม่
ขณะที่ วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี ภายหลังจากทราบบทลงโทษได้เปิดเผยว่าจะรอหนังสือบทลงโทษอย่างเป็นทางการจากทางสมาคมฟุตบอลฯ ในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) ก่อนจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการเรื่องของผลอุทธรณ์หรือไม่
นอกจากนั้น วิทยา คุณปลื้ม ยังบอกอีกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางชลบุรียอมรับความผิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทางสโมสรไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแฟนบอลกลุ่มก่อเหตุและขอประนามกับการกระทำครั้งนี้ ซึ่งจะดำเนินการหาคนกระทำผิดมาลงโทษทั้งทางสโมสรและกฎหมาย
ปิดแฟนโซนห้ามแฟนเข้าถึงนักเตะ
ทั้งนี้สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในเกมต่อๆ ไป ทาง วิทยา คุณปลื้ม ได้บอกว่าจะแยกทางออกของกองเชียร์ไม่ให้เข้ามาภายในพื้นที่ของทางออกนักเตะ นั่นหมายความว่าจะปิดในส่วนของแฟนโซนเพื่อไม่ให้แฟนบอลได้เข้ามาใกล้ชิดกับนักเตะทั้งสองทีม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลที่ต้องการถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักฟุตบอล แต่เป็นสิ่งที่ทางสโมสรต้องหาทางออกเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ดี ประธานสโมสรชลบุรีได้บอกด้วยว่า ณ ตอนนี้มีแฟนบอลชลบุรีคนนึงได้มาสารภาพผิดแล้วว่า เป็นคนปาสิ่งของใส่รถบัสของบุรีรัมย์ พีอีเอ โดยทราบชื่อคือ "ตั้มบ้านสวน" ซึ่งได้สารภาพว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยทางสโมสรได้สั่งให้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่การลงโทษจากทางสโมสรจะห้ามให้เข้าชมเกมที่ชลบุรีเตะในบ้าน ส่วนจะเป็นเวลากี่แมตช์นั้นจะต้องดูเหตุผลอีกครั้ง
คาดเสียรายได้สองเกมเกือบ 5 ล้าน
จากบทลงโทษที่ออกมา ทำให้ชลบุรีสูญเสียประโยชน์หลายด้านโดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่จะหายไปหลักล้านบาท ซึ่งการห้ามลงเล่นในบ้านจำนวน 2 นัดโดยที่ต้องเช่าสนามกลางทำการแข่งขัน จะต้องเสียค่าเช่าสนามทั้งสองเกมจำนวนหลักแสนบาท
ขณะที่การห้ามแฟนบอลตัวเองเข้าชมเกมในสนามจะทำให้สูญเสียรายได้จากค่าบัตรเข้าชมเกมและขายของที่ระลึกตกนัดละ 1.5 ล้านบาท รวม 3 ล้านบาท เนื่องจากทุกเกมที่ชลบุรีได้เล่นในบ้านของตัวเองในแมตช์ผ่านๆ มา จะเก็บค่าบัตรเข้าชมรวมกับขายของที่ระลึกในวงเงินดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าบทลงโทษที่ออกมาครั้งนี้ จะทำให้ชลบุรีเสียรายได้เกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว
"เสธตุ้ม" พร้อมลงโทษผู้ตัดสินนัดปัญหา
ด้านการตัดสินของ มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าในเกมระหว่าง ชลบุรี กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในศึกโตโยต้า ลีก คัพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งเคสที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ โดยทาง "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาประเมินผู้ตัดสิน ได้ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินคนดังกล่าวมีความผิดพลาดชัดเจนในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะจังหวะพุ่งเสียบของ สุจินต์ นาคนายม ผู้รักษาประตูชลบุรี ที่ตั้งใจพุ่งเสียบสองเท้าใส่หน้าแข้งของ แฟร้งค์ โอแฮนด์ซ่า กองหน้าบุรีรัมย์ พีอีเอ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในจังหวะดังกล่าวสมควรที่จะเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทว่าผู้ตัดสินกลับให้เป็นเพียงใบเหลืองเท่านั้น
นอกจากนั้นในจังหวะที่ เคนเน็ธ กองหลังชลบุรี ถูกใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงเพราะมองว่า เคนเน็ธชักศอกใส่ แฟร้งค์ อาเชียมปง ของบุรีรัมย์ พีอีเอ แต่จังหวะดังกล่าวผู้ตัดสินได้ให้ใบเหลืองแก่อาเชียมปงด้วย พร้อมให้ฟรีคิกกับทางชลบุรี ทั้งๆ ที่มองว่า เคนเน็ธเป็นคนฟาวล์ ซึ่งจังหวะนี้ทาง "เสธ.ตุ้ม" ยอมรับว่าสถานการณ์ค่อนข้างกดดันผู้ตัดสินพอสมควร แต่ไม่ลืมที่จะเอามาเข้าประชุมเพื่อหาบทลงโทษผู้ตัดสินต่อไป
ความเคลื่อนไหวหลังเกมโตโยต้า ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ระหว่าง "ฉลามชล" ชลบุรี กับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า ชลบุรีชนะ 3-3 สกอร์รวม 3-3 แต่ บุรีรัมย์ พีอีเอ เข้าชิงฯ ตามกฎประตูทีมเยือน
โดยหลังจบเกมมีแฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้ไปรวมตัวก่อนหน้าสนามแข่งขันเพื่อรอต้อนรับนักเตะทั้งสองทีม ทว่าพอนักเตะบุรีรัมย์ พีอีเอ เดินออกมาขึ้นรถบัสของสโมสร แฟนบอลหลายสิบคนได้ตะโกนโห่ร้องและจากนั้นรถบัสของสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ได้เคลื่อนตัวออกจากสนาม ปรากฏว่าแฟนบอลได้ขว้างปาสิ่งของ อาทิ ขวดน้ำ, กระป๋องน้ำ, เก้าอี้พลาสติก, กรวยกั้นถนน ฯลฯ ใส่รถของบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นเหตุให้กระจกรถมีรอยแตกร้าว 2 บาน จากการโดนของแข็งขว้างปาซึ่งคาดว่าเป็นก้อนหินและอิฐ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นการเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2554 ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก แฟนบอลชลบุรีบางส่วนได้กระทำในลักษณะเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกลงโทษด้วยการห้ามลงเตะในบ้านตัวเอง 1 นัด
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 4 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมพ่วงบุตร ภายในสนามศุภชลาศัย ได้มีการประชุมเพื่อหาบทลงโทษจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ในฐานะคณะกรรมการพิจารณามารยาทวินัยและข้อประท้วงของสมาคมฟุตบอลฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก, "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาและประเมินผลผู้ตัดสินร่วมประชุม
โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ซึ่งมี วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี มาร่วมชี้แจงและรับฟังผลการตัดสินด้วย ซึ่งผลการตัดสินปรากฏว่าทางคณะกรรมการฯ ได้ลงโทษชลบุรี ห้ามเตะในบ้านของตัวเองคือ ชลบุรี สเตเดี้ยม ในเกมที่ชลบุรีเป็นเจ้าบ้านจำนวน 2 นัด โดยจะต้องเล่นที่สนามเป็นกลางที่สมาคมฟุตบอลฯ รับรอง และปรับเงิน 5 หมื่นบาท โทษฐานที่ไม่สามารถควบคุมแฟนบอลได้
นอกจากนั้นใน 2 แมตช์ที่ชลบุรีไม่ได้เตะในบ้านของตัวเอง แฟนบอล "ฉลามชล" จะถูกแบนห้ามเข้าชมเกมในสนามด้วย ทั้งนี้ในเกมที่ชลบุรีห้ามลงเตะในบ้านของตัวเองจำนวน 2 นัด คือแมตช์วันที่ 15 ต.ค. ที่จะพบกับ อินทรีเพื่อนตำรวจ และแมตช์วันที่ 3 ธ.ค. พบกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเกมสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งสองเกม โดยทางชลบุรีจะส่งมอบตั๋วเข้าชมเกมให้กับทั้งสองสโมสรในการดำเนินการขายตั๋วเองเพื่อป้องกันแฟนบอลชลบุรีที่จะสวมรอยเข้าไปชมเกม
ด้าน "บิ๊กหนก" กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ในฐานะสโมสรที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกระทำในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เปิดเผยหลังทราบผลการตัดสินโดยบอกว่าไม่ขอออกความเห็นใดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องของทางสมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายพิจารณาโทษว่าเห็นสมควรอย่างไร ซึ่งจะบอกว่าโทษที่ออกมารุนแรงหรือเบาเกินไปหรือไม่นั้น ตนเองเคารพในการตัดสินของสมาคมฯ อยู่แล้ว
ส่วนอนาคตที่มีโอกาสไปเยือนชลบุรีอีกครั้ง ในเกมมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ หากจับฉลากประกบคู่มาเจอกัน ทาง "บิ๊กหนก" บอกว่าพร้อมที่จะเดินทางไปอยู่แล้ว ส่วนจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้นคงตอบไม่ได้
วิทยาขอเวลาก่อนอุทธรณ์หรือไม่
ขณะที่ วิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี ภายหลังจากทราบบทลงโทษได้เปิดเผยว่าจะรอหนังสือบทลงโทษอย่างเป็นทางการจากทางสมาคมฟุตบอลฯ ในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) ก่อนจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการเรื่องของผลอุทธรณ์หรือไม่
นอกจากนั้น วิทยา คุณปลื้ม ยังบอกอีกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางชลบุรียอมรับความผิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทางสโมสรไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแฟนบอลกลุ่มก่อเหตุและขอประนามกับการกระทำครั้งนี้ ซึ่งจะดำเนินการหาคนกระทำผิดมาลงโทษทั้งทางสโมสรและกฎหมาย
ปิดแฟนโซนห้ามแฟนเข้าถึงนักเตะ
ทั้งนี้สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในเกมต่อๆ ไป ทาง วิทยา คุณปลื้ม ได้บอกว่าจะแยกทางออกของกองเชียร์ไม่ให้เข้ามาภายในพื้นที่ของทางออกนักเตะ นั่นหมายความว่าจะปิดในส่วนของแฟนโซนเพื่อไม่ให้แฟนบอลได้เข้ามาใกล้ชิดกับนักเตะทั้งสองทีม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลที่ต้องการถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักฟุตบอล แต่เป็นสิ่งที่ทางสโมสรต้องหาทางออกเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ดี ประธานสโมสรชลบุรีได้บอกด้วยว่า ณ ตอนนี้มีแฟนบอลชลบุรีคนนึงได้มาสารภาพผิดแล้วว่า เป็นคนปาสิ่งของใส่รถบัสของบุรีรัมย์ พีอีเอ โดยทราบชื่อคือ "ตั้มบ้านสวน" ซึ่งได้สารภาพว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยทางสโมสรได้สั่งให้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่การลงโทษจากทางสโมสรจะห้ามให้เข้าชมเกมที่ชลบุรีเตะในบ้าน ส่วนจะเป็นเวลากี่แมตช์นั้นจะต้องดูเหตุผลอีกครั้ง
คาดเสียรายได้สองเกมเกือบ 5 ล้าน
จากบทลงโทษที่ออกมา ทำให้ชลบุรีสูญเสียประโยชน์หลายด้านโดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่จะหายไปหลักล้านบาท ซึ่งการห้ามลงเล่นในบ้านจำนวน 2 นัดโดยที่ต้องเช่าสนามกลางทำการแข่งขัน จะต้องเสียค่าเช่าสนามทั้งสองเกมจำนวนหลักแสนบาท
ขณะที่การห้ามแฟนบอลตัวเองเข้าชมเกมในสนามจะทำให้สูญเสียรายได้จากค่าบัตรเข้าชมเกมและขายของที่ระลึกตกนัดละ 1.5 ล้านบาท รวม 3 ล้านบาท เนื่องจากทุกเกมที่ชลบุรีได้เล่นในบ้านของตัวเองในแมตช์ผ่านๆ มา จะเก็บค่าบัตรเข้าชมรวมกับขายของที่ระลึกในวงเงินดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าบทลงโทษที่ออกมาครั้งนี้ จะทำให้ชลบุรีเสียรายได้เกือบ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว
"เสธตุ้ม" พร้อมลงโทษผู้ตัดสินนัดปัญหา
ด้านการตัดสินของ มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าในเกมระหว่าง ชลบุรี กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในศึกโตโยต้า ลีก คัพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งเคสที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ โดยทาง "เสธตุ้ม" พล.ต.ชินเสน ทองโกมล ประธานพิจารณาประเมินผู้ตัดสิน ได้ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินคนดังกล่าวมีความผิดพลาดชัดเจนในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะจังหวะพุ่งเสียบของ สุจินต์ นาคนายม ผู้รักษาประตูชลบุรี ที่ตั้งใจพุ่งเสียบสองเท้าใส่หน้าแข้งของ แฟร้งค์ โอแฮนด์ซ่า กองหน้าบุรีรัมย์ พีอีเอ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในจังหวะดังกล่าวสมควรที่จะเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทว่าผู้ตัดสินกลับให้เป็นเพียงใบเหลืองเท่านั้น
นอกจากนั้นในจังหวะที่ เคนเน็ธ กองหลังชลบุรี ถูกใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงเพราะมองว่า เคนเน็ธชักศอกใส่ แฟร้งค์ อาเชียมปง ของบุรีรัมย์ พีอีเอ แต่จังหวะดังกล่าวผู้ตัดสินได้ให้ใบเหลืองแก่อาเชียมปงด้วย พร้อมให้ฟรีคิกกับทางชลบุรี ทั้งๆ ที่มองว่า เคนเน็ธเป็นคนฟาวล์ ซึ่งจังหวะนี้ทาง "เสธ.ตุ้ม" ยอมรับว่าสถานการณ์ค่อนข้างกดดันผู้ตัดสินพอสมควร แต่ไม่ลืมที่จะเอามาเข้าประชุมเพื่อหาบทลงโทษผู้ตัดสินต่อไป