ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน "ทีพีแอล" เรียกสโมสรสมาชิกไทยลีกประชุม เกือบได้ข้อสรุปจบฤดูกาล 11 ม.ค. หรือ 12 ม.ค. 55 อีกทั้งฤดูกาลนี้ จะเปิดช่องให้แต่ละทีมสามารถขยับวันแข่งขันนัดปิดฤดูกาลได้ ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมนัดสุดท้ายพร้อมกัน เหตุจากผลกระทบของอุทกภัย ส่วนตลาดนักเตะฤดูกาลใหม่ กรณีการขึ้นทะเบียนซื้อ-ขาย ผ่านระบบทีเอ็มเอส (TMS) เริ่มเปิด 26 ธ.ค. นี้
เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องเบญจมาศ โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน ย่านพระราม 9 ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้เชิญบรรดาสโมสรไทยพรีเมียร์ลีกร่วมประชุมพร้อมกับให้สโมสรสมาชิกเสนอ
โดยสาระที่ประชุมครั้งนี้ มี 5 เรื่องด้วยกันคือ กำหนดวันปิดสนาม ที่เดิมตั้งเอาไว้ 14 หรือ 28 มกราคมศกหน้า แต่เมื่อสโมสรเห็นว่า ควรจะขยับเข้ามาให้เร็วขึ้น เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับสัญญานักเตะที่หมดไปแล้ว ดังนั้นจึงเสนอว่าควรไปปิดฤดูกาลในวันที่ 11 มกราคม
แต่ส่วนตัวคงต้องไปเสนอกับทางสมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายจัดการแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจขยับไปอีก 1 วันไปปิดวันที่ 12 มกราคมต่อไป แต่ฤดูกาลนี้จะเปิดช่องให้แต่ละทีมสามารถขยับวันแข่งขันนัดปิดฤดูกาลได้ ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมนัดสุดท้ายพร้อมกัน เพราะเหตุผลเรื่องโปรแกรมแข่งขันที่เหลือไม่เท่ากัน จากผลกระทบของอุทกภัย
ดร.วิชิต ยังกล่าวต่อไปว่า แต่อย่างไรก็ดีคงไม่เกิน 14 มกราคม น่าจะปิดฤดูกาลได้ ซึ่งเรื่องนี้หากไปคุยกับ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย น่าจะเข้าใจได้ หลังจากฟุตบอลคิงส์คัพ จะขยับไปแข่งขัน 18-21 มกราคมศกหน้า แต่ฤดูกาลหน้าที่กำหนดเอาไว้คือ จะเริ่มเปิดสนามตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป
ลีกสำรองปี 2012 สมัครใจ 2013 บังคับ
ในส่วนของลีกสำรองที่ถูกนำเข้าสู่วาระการประชุมด้วยนั้น ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ยืนยันว่า "ในส่วนของลีกสำรองนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามีการพูดถึงกันพอสมควร อีกทั้งก็ยังจัดโซน ทั่วประเทศไม่ลงตัว ซึ่งถือว่ามีปัญหาแน่นอน ในที่ประชุมจึงได้ข้อตกลงกันว่า ปี 2012 นั้น เราจะมีการจัดการแข่งขันแต่ ให้อยู่ที่ความสมัครใจของสโมสรว่า จะส่งก็ได้หรือไม่สะดวกก็ไม่ต้องส่ง
ส่วนปี 2013 นั้น จะต้องมีการบังคับกันว่าทุกสโมสร จะต้องมีทีมสำรอง เพราะเราจะเปิดลีกสำรองแบบเต็มรูปแบบ ตามระเบียบของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)"
ตลาดซื้อ-ขายนักเตะกำหนดเปิด 26 ธ.ค.
สำหรับกรณีการขึ้นทะเบียนซื้อ-ขาย ผ่านระบบทีเอ็มเอส (TMS) นั้น ดร.วิชิต กล่าวว่า กำหนดที่ได้แจ้งกับทางฟีฟ่าคือ วันที่ 26 ธันวาคม 2554-16 มีนาคม 2555 เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ส่วนผู้เล่นไทยกำหนดขึ้นทะเบียนอย่างน้อย 20 คน ไม่เกิน 35 คน ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2555
แต่ที่ประชุมสโมสรได้เสนอให้ขยับกำหนดเปิดระบบทีเอ็มเอสออกไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อไปปิดในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งทางไทยพรีเมียร์ลีก จะรับไปพิจารณาดำเนินการแจ้งขอเปลี่ยนแปลงจากฟีฟ่าอีกครั้งหนึ่ง
โควตาต่างชาติเสนอเหลือ 5 ลง 3+1
ขณะที่โควตานักเตะต่างชาติ ที่ให้ทุกสโมสรโหวตออกเสียงนั้น สโมสรได้มีการลงมติด้วยคะแนน 10-5 ขาดไปเพียงบุรีรัมย์ พีอีเอ กับการท่าเรือไทย ที่ออกไปประชุมเกี่ยวกับฟุตบอลลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศ และขอนแก่น เอฟซี ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมประชุม
โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการลดโควตาให้เหลือ 5 ลงสนามได้ 3 บวก 1 ในฤดูกาลหน้าทันที แต่อีก 5 ทีมเห็นว่า ควรไปเริ่มในฤดูกาล 2556 โดยมติดังกล่าว ทาง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง จะนำเสนอต่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้พิจารณาภายหลังต่อไป
โทษเหลือง-แดง บทสรุปไม่ชัดเจน
ส่วนกรณีการลงโทษนักเตะจากใบเหลือง-ใบแดง นั้น ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด กล่าวอีกว่า "มีความเห็นจากหลายสโมสรเสนอ ทั้งการนับแต้มสะสม และนับเป็นใบเหลือง ใบแดง ซึ่งในที่ประชุมยังไม่ได้มีบทสรุปจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ขณะเดียวกันก็มีการเสนอกันว่าควรสะสมโทษจากทุกรายการ และเพิ่มการลงโทษไปเป็น 5 ใบเหลือง หรือทุก 10 คะแนน และทุกใบแดงให้ลงโทษแบนในเกมถัดไปทันที ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมอีกครั้งในวันจันทร์ ที่ 19 ธ.ค. นี้ อีกที"
ซีซั่นหน้าแฟนทีมเยือนอาจเข้าได้แค่ 10%
นอกจากนั้นยังมีการประชุมวาระเพิ่มเติม โดยสโมสรสมาชิกเสนอขอลูกฟุตบอล เพิ่มและแก้ไขเรื่องคุณภาพของลูกฟุตบอล พร้อมกันนั้นยังได้กำหนดยอดกองเชียร์ตามความจุของสนาม จากกฎเดิมให้อยู่ที่ 20% ซึ่งในที่ประชุม สโมสรสมาชิกเสนอควรลดเหลือ 10% ของความจุสนาม
โดย ดร.วิชิต ยืนยันว่า "เราก็จะรับเอาข้อเสนอของสโมสรสมาชิก ที่เสนอให้แก้ไข ในเรื่องของการขอลูกฟุตบอลเพิ่ม และแก้ไขคุณภาพของลูกฟุตบอล อีกทั้งยอดกองเชียร์ทีมเยือน ซึ่งจากเดิมเรามีมติให้เข้าได้ 20% ซีซั่นหน้าอาจจะลดเหลือเพียงแค่ 10% แต่อย่างไรก็ดี จะมีมติทั้งหมดจะเสนอต่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย"