ความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างฟุตบอลลีกของไทยในฤดูกาลหน้าที่หลายทีม ยังมีปัญหาในการแยกตัวออกมาตั้งเป็นบริษัทในรูปนิติบุคคลเพื่อทำการค้าเชิง พาณิชย์เต็มตัวที่ดูเหมือนว่าทุกทีมยังไม่พร้อมและทำได้เพียงสมาคมเท่านั้น
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ผู้ดูแลการแข่งขันออกมากล่าวว่า ความจริงทุกสโมสรสามารถที่จะแยกตัวมาตั้งในรูปแบบบริษัทได้อยู่ที่ว่าจะทำ หรือเปล่าเท่านั้น ยังไงก็ยืนยันว่าทุกทีมจะต้องปรับเพื่อเป็นไปตาม เอเอฟซี กำหนด โดยจะมีเดตไลน์ถึงต้นเดือนหน้า ถ้าไม่พร้อมจริงๆก็ต้องหลีกทางให้ทีมระดับดิวิชั่น 1 ที่พร้อมขึ้นมาเล่นแทน หรือถ้าไม่มีทีมพร้อมเลย ทางเอเอฟซีก็แจ้งมาแล้วว่ามีแค่ 8 สโมสรก็สามารถแข่งขันในลีกอาชีพได้แล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องอยู่ที่ความเอาใจใส่ของสโมสรเอง
ด้าน ธ.กรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรธนาคารเหมือนกับ ธ.กรุงเทพ ที่ต้องยุบทีมไปก่อนหน้านี้ จึงเกิดปัญหาว่าทีมจะแยกตัวออกมาได้หรือไม่ เรื่องนี้ วราวุธ สิทธิยศ หนึ่งในผู้บริหารทีม ธ.กรุงไทย กล่าวว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการสโมสรในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อที่จะเสนอแนวทางถึงผู้ใหญ่ เพราะการแยกออกไปทำการค้าเชิงพาณิชย์ผิดระเบียบของธนาคารอยู่มาก ฉะนั้นการที่เราจะนำเสนอก็ต้องบอกจุดเด่น จุดด้อย และรับประกันถึงผลกำไรด้วยว่าจะมาจากไหนบ้าง คือแต่ก่อนงบของกรุงไทยที่มาทำฟุตบอลมาจากงบประชาสัมพันธ์ เมื่อต้องมาเป็นการค้าแบบนี้ เราต้องมีการร่างระเบียบแบบแผนถึงผู้บริหารเพื่อพิจารณา ซึ่งถ้าผ่านก็ดำเนินการได้ แต่ถ้าไม่ผ่านก็คงแย่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าแยกมาตั้งบริษัทไม่ได้ต้องยุบทีมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร โอกาสยุบทีมก็มีสูง หรือไม่เราก็ให้ทีมอื่นมาเทกโอเวอร์และเราเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลัง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประชุมบอร์ดก่อน รวมถึงการต่อสัญญาว่าจะเอา โค้ชอรรถพล บุษปาคม ต่อหรือไม่
ส่วน บีอีซี เทโรศาสน ที่แยกตัวมาตั้งบริษัทนานแล้วจึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือจะต่อสัญญาโค้ชชาวฝรั่งเศส คริสตอฟ ลาห์รู หรือไม่หลังผลงานไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้ ล่าสุดแหล่งข่าวภายในทีมเผยว่า ผู้ใหญ่เลือกที่จะให้ ลาห์รู ทำทีมต่อไปอีกปี เพราะเป็นไปตามสัญญาที่เซ็นไว้ก่อนหน้านี้ 2 ปีด้วยกัน โดยรชี้ว่า เขายังเหลืออีกปีที่จะทำทีม อีกจุดคือไม่อยากที่จะเปลี่ยนแปลงโค้ชอีกเพราะที่ผ่านมาเปลี่ยนเร็วมากจนทีม เสียหาย ก็อยากให้โค้ชคนเดิมดูแลต่อไป ปีนี้ผลงานถือว่าไม่เลว ถ้าได้คุมต่อก็จะได้สานต่อและมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ในปีหน้าได้
ขณะที่ ม.กรุงเทพ ทีมเอกชนอีกทีมก็มีการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว อ.อาคม สมุทรโคจร ผู้บริหารทีมเผยว่า ได้ส่งเรื่องจดทะเบียนแล้ว ภายใต้ชื่อว่า บ.บียูเอฟซี จำกัด มี อ.สุรีย์ บูรณะธนิต เป็นประธานสโมสรคนแรก และใช้ที่ทำการภายในมหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้ง ถือว่าเราพร้อมแล้วที่จะเข้าแข่งขัน โดยมีสมชาย ทรัพย์เพิ่ม ดูแลทีมในฐานะโค้ชต่อไป
อีกทีมที่น่าสนใจก็คือ "ปลาทูคะนอง" สมุทรสงคราม ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ยังเป็นเพียงสมาคมกีฬาเท่านั้น "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชม กุนซือ กล่าวว่า จะมีการประชุมใหญ่กับทางประธานสโมสรเร็วๆนี้ เพราะการแยกมาจะต้องมีทุนสูงมาก และทางทีมประธานเป็นคนจ่ายคนเดียว แต่ถ้าท่านเอาก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้นักเตะของทีมปีที่แล้วโชว์ฟอร์มได้ดีหลายคนทำให้หลายทีมสนใจอยากจะ ดึงไปร่วมทีม ตอนนี้ติดต่อมาเยอะมาก โดยเฉพาะ คนึง บุราณสุข(หมายเลข 10 แถวหน้า) กองหน้าของทีมอย่างน้อย 5 ทีมที่สนใจ ซึ่ง คนึง ซื้อมาจากท่าเรือ และอยากจะให้อยู่กับทีมต่อ แต่ถ้าจะเอาจริงก็อยู่ที่ราคา 2 ล้านบาท (ตั้งราคาไม่อยากขาย)
ที่มา http://www.siamsport.co.th
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ผู้ดูแลการแข่งขันออกมากล่าวว่า ความจริงทุกสโมสรสามารถที่จะแยกตัวมาตั้งในรูปแบบบริษัทได้อยู่ที่ว่าจะทำ หรือเปล่าเท่านั้น ยังไงก็ยืนยันว่าทุกทีมจะต้องปรับเพื่อเป็นไปตาม เอเอฟซี กำหนด โดยจะมีเดตไลน์ถึงต้นเดือนหน้า ถ้าไม่พร้อมจริงๆก็ต้องหลีกทางให้ทีมระดับดิวิชั่น 1 ที่พร้อมขึ้นมาเล่นแทน หรือถ้าไม่มีทีมพร้อมเลย ทางเอเอฟซีก็แจ้งมาแล้วว่ามีแค่ 8 สโมสรก็สามารถแข่งขันในลีกอาชีพได้แล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องอยู่ที่ความเอาใจใส่ของสโมสรเอง
ด้าน ธ.กรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรธนาคารเหมือนกับ ธ.กรุงเทพ ที่ต้องยุบทีมไปก่อนหน้านี้ จึงเกิดปัญหาว่าทีมจะแยกตัวออกมาได้หรือไม่ เรื่องนี้ วราวุธ สิทธิยศ หนึ่งในผู้บริหารทีม ธ.กรุงไทย กล่าวว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการสโมสรในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อที่จะเสนอแนวทางถึงผู้ใหญ่ เพราะการแยกออกไปทำการค้าเชิงพาณิชย์ผิดระเบียบของธนาคารอยู่มาก ฉะนั้นการที่เราจะนำเสนอก็ต้องบอกจุดเด่น จุดด้อย และรับประกันถึงผลกำไรด้วยว่าจะมาจากไหนบ้าง คือแต่ก่อนงบของกรุงไทยที่มาทำฟุตบอลมาจากงบประชาสัมพันธ์ เมื่อต้องมาเป็นการค้าแบบนี้ เราต้องมีการร่างระเบียบแบบแผนถึงผู้บริหารเพื่อพิจารณา ซึ่งถ้าผ่านก็ดำเนินการได้ แต่ถ้าไม่ผ่านก็คงแย่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าแยกมาตั้งบริษัทไม่ได้ต้องยุบทีมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร โอกาสยุบทีมก็มีสูง หรือไม่เราก็ให้ทีมอื่นมาเทกโอเวอร์และเราเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลัง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประชุมบอร์ดก่อน รวมถึงการต่อสัญญาว่าจะเอา โค้ชอรรถพล บุษปาคม ต่อหรือไม่
ส่วน บีอีซี เทโรศาสน ที่แยกตัวมาตั้งบริษัทนานแล้วจึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือจะต่อสัญญาโค้ชชาวฝรั่งเศส คริสตอฟ ลาห์รู หรือไม่หลังผลงานไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้ ล่าสุดแหล่งข่าวภายในทีมเผยว่า ผู้ใหญ่เลือกที่จะให้ ลาห์รู ทำทีมต่อไปอีกปี เพราะเป็นไปตามสัญญาที่เซ็นไว้ก่อนหน้านี้ 2 ปีด้วยกัน โดยรชี้ว่า เขายังเหลืออีกปีที่จะทำทีม อีกจุดคือไม่อยากที่จะเปลี่ยนแปลงโค้ชอีกเพราะที่ผ่านมาเปลี่ยนเร็วมากจนทีม เสียหาย ก็อยากให้โค้ชคนเดิมดูแลต่อไป ปีนี้ผลงานถือว่าไม่เลว ถ้าได้คุมต่อก็จะได้สานต่อและมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ในปีหน้าได้
ขณะที่ ม.กรุงเทพ ทีมเอกชนอีกทีมก็มีการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว อ.อาคม สมุทรโคจร ผู้บริหารทีมเผยว่า ได้ส่งเรื่องจดทะเบียนแล้ว ภายใต้ชื่อว่า บ.บียูเอฟซี จำกัด มี อ.สุรีย์ บูรณะธนิต เป็นประธานสโมสรคนแรก และใช้ที่ทำการภายในมหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้ง ถือว่าเราพร้อมแล้วที่จะเข้าแข่งขัน โดยมีสมชาย ทรัพย์เพิ่ม ดูแลทีมในฐานะโค้ชต่อไป
อีกทีมที่น่าสนใจก็คือ "ปลาทูคะนอง" สมุทรสงคราม ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ยังเป็นเพียงสมาคมกีฬาเท่านั้น "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชม กุนซือ กล่าวว่า จะมีการประชุมใหญ่กับทางประธานสโมสรเร็วๆนี้ เพราะการแยกมาจะต้องมีทุนสูงมาก และทางทีมประธานเป็นคนจ่ายคนเดียว แต่ถ้าท่านเอาก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้นักเตะของทีมปีที่แล้วโชว์ฟอร์มได้ดีหลายคนทำให้หลายทีมสนใจอยากจะ ดึงไปร่วมทีม ตอนนี้ติดต่อมาเยอะมาก โดยเฉพาะ คนึง บุราณสุข(หมายเลข 10 แถวหน้า) กองหน้าของทีมอย่างน้อย 5 ทีมที่สนใจ ซึ่ง คนึง ซื้อมาจากท่าเรือ และอยากจะให้อยู่กับทีมต่อ แต่ถ้าจะเอาจริงก็อยู่ที่ราคา 2 ล้านบาท (ตั้งราคาไม่อยากขาย)
ที่มา http://www.siamsport.co.th