ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจาะเวลาหาไทยลีก ตอน... ก่อนจะมาเป็นไทยลีก ( 1 )

หากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่ ยี่สิบกว่าปีแล้วถ้าหากเราจะพูดถึงฟุตบอลบ้านเราในยุคนั้น สมัยนั้น หลายๆคนก็คงจะนึกถึงแต่ฟุตบอลรายการที่มีการแข่งขันระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติอื่นๆเช่น ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ใกล้ตัวมาหน่อยก็เป็นคิงส์คัพอะไรประมาณนี้ แต่ถ้าจะพูดถึงฟุตบอลอาชีพแล้วก็คงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครพูดถึงเพราะยุคนั้น สมัยนั้นก็จะมีแต่ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทหารที่ดูจะเป็นหน้าเป็นตาและดูเป็นเหมือนฟุตบอลอาชีพของบ้านเราก็เริ่มกันตั้งแต่ถ้วย ก ข ค ง อีกรายการหนึ่งก็เห็นจะเป็นฟุตบอลควีนส์คัพพอมาอีกยุคก็จะมีฟุตบอลกึ่งอาชีพอย่างรายการเซมิโปรลีกเข้ามาสโมสรฟุตบอลในสมัยนั้นก็จะเป็นทีมองค์กรเสียส่วนใหญ่ที่พอจะมีชื่อเสียงก็ไม่พ้นบรรดาทีมสี่เหล่าทัพอย่าง ทหารอากาศ ทหารบก ราชนาวี ตำรวจ หรือบรรดานายแบงค์ต่างๆ อย่าง ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย หรือทีมฟุตบอลจัดตั้งอย่าง ราชประชา ราชวิถี หากถามแฟนฟุตบอลรไทยรุ่นเก่าๆ แล้วก็คงจะพอมีความรู้กันอยู่บ้างหากว่ายังจดจำความประทับใจที่เกิดขึ้นกับสโมสรอันเป็นที่รักของตัวเอง



ด้วยกระแสความนิยมของฟุตบอลอาชีพบ้านเราในอดีตที่ยังไม่ค่อยจะเปรี้ยงปร้างเหมือนยุคนี้ สมัยนี้ทำให้มีนักเตะหลาย ๆ คนของไทยเราต้องเดินทางไปขุดสมบัติกันที่ต่างประเทศเนื่องจากว่าได้เดินทางสายนี้แล้วตัดสินใจที่จะหากินในเส้นทางอาชีพค้าแข้งก็ต้องแสวงหารายได้มาจุนเจือปากท้องของตัวเองและครอบครัวเพราะรายได้นักเตะบ้านเราในอดีตก็ไม่ต่างจากนักเตะเดินสายในปัจจุบันได้รางวัลทีก็จะมีรายได้ที นอกเสียจากบางรายที่ได้มีโอกาสค้าแข้งกับสโมสรที่จัดตั้งโดยองค์กรหรือส่วราชการที่กล่าวมาในข้างต้นก็จะมีรายได้จากการรับราชการและการเป็นพนักงานก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามนักเตะเหล่านั้นก็ยังเสาะแสวงหาที่จะออกไปค้าแข้งตามประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือ ญี่ปุ่น นักเตะแต่ละคนที่ไปค้าแข้งก็ล้วนแต่เป็นนักเตะระดับแนวหน้าในยุคนั้นสมัยนั้น อย่าง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่ไปค้าแข้งถึงเกาหลีใต้กับสโมสรลักกี้ โกลด์สตาร์ และยุคกลางๆก็ยังไปค้าแข้งกับสโมสรปาหังในมาเลเซีย ร่วมกับนักเตะฝีเท้าดีอย่าง วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ และ อรรถพล บุษปาคม ที่เก๋ากว่านั้นก็เห็นจะเป็นวิทยา เลาหกุล ที่เคยไปค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่นกับสโสมรยันมาร์ ดีเซล และประเทศ เยอรมันกับสโมสร แฮร์ธาเบอร์ลิน และก็กลับมารับหน้าที่ผู้ฝึกสออญี่ปุ่นให้กับสโมสรมัตสิชิตะ หรือสโมสร พานาโซนิค กัมบะ ในปัจจุบัน พร้อมกับได้ดึงเอา นที ทองสุขแก้ว และ รณชัย สยมชัย ดาวรุ่งในสมัยนั้นดินทางไปร่วมค้าแข้งด้วย

แต่หลังจากนั้นมากระแสฟุตบอลที่เริ่มพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอลในประเทศไทยเริ่มเห็นความสำคัญของฟุตบอลอาชีพว่าควรจะถือกำเนิดได้แล้วในประทเศไทยจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือและได้มีความเห็นร่วมกันว่าต้องจัดอย่างแน่นอนและก็ได้มีการนำร่องขึ้นมาในปี พ.ศ.2539 โดยให้ชื่อเสียงเรียงนามในการจัดการแข่งขันครั้งนั้นตามผู้สนับสนุนหลักเป็นยี่ห้อสุราฝรั่งยี่ห้อดังว่า ฟุตบอล จอนห์นนี่ วอร์คเกอร์ ไทยแลนด์ลีก ครั้งที่ 1 โดยมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันโดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 18 ทีม แล้วจะเอาทีมที่ 1-4 มาชิงความเป็นที่หนึ่งอีกครั้งตอนนั้นยังเรียกว่าเป็นฟุตบอลอาชีพเต็มปากไม่ได้จึงใช้คำว่าฟุตบอลกึ่งอาชีพ โดยทีมที่เข้าร่วมแข่งขันในทั้ง 18 ทีมประกอบไปด้วย

1. ธนาคารกสิกรไทย ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งในรายการนี้เนื่องจากผลงานในอดีตที่ผ่านมาค่อนข้างมากโดยเฉพาะแชมป์เอเชี่ยน คลับ เป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของเหล่าบรรดานักเตะและผู้ฝึกสอนทั้งหลายซึ่งในยุคนั้น มี อ.หรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นกุนซือใหญ่ และมีนักเตะทีมชาติไทยในยุคนั้นร่วมทัพอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ภานุวัฒน์ ยินผัน นิพนธ์ มาลานนท์ เสนาะ โล่งสว่าง โชคทวี พรหมรัตน์ หรือนักเตะจอมเก๋าอดีตทีมชาติ อย่าง สัจจา ศิริเขต สะสม พบประเสริฐ สิงห์ โตทวี ซึ่งดูจากขุมกำลังแล้วสื่อทุกแขนงต่างก็ต้องยกให้เป็นเต็งหนึ่งในรายการนี้อย่างไม่มีใครคัดค้าน

2.สโมสรทหารอากาศ เป็นทีมที่จัดว่าครบเครื่องอีกทีมหนึ่งแม้จะไม่มีนักเตะในทีมติดทีมชาติในยุคนั้นแต่ผลกงานของนักเตะแต่ละคนในอดีตก็ถือว่าดูไม่จืดเลยทีเดียวประกอบกับ เพชฌฆาตหน้าหยก ปิยะพงษ์ ผิผิวอ่อน ที่ยังไม่ยอมแขวนสตั๊ดทำหน้าที่ทั้งผู้เล่นและผู้ฝึกสอน มีดาวเตะอดีตทีมชาติรุ่นเก๋าตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันศูนย์หน้า อย่าง กัมปนาท อั้งสูงเนิน และ สามกองหลังจอมโหดอย่าง ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ สมศักดิ์ คำมณี ชลทิศ กรุดเที่ยง แนวรกุก็มีทั้ง ส่งเสริม มาเพิ่ม และอดีตนักเตะชุดดรีมทีมอย่าง สุนัย ใจดี ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะครบเครื่องครบรสเลยทีเดียว

3.ธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นอีกทีมที่อยู่คู่กับวงการฟุตบอลไทยมายาวนานและเป็นอีกทีมหนึ่งที่มีนักเตะฝีเท้าดีร่วมทีมมากมายซึ่งยุคนั้นถือเป็นยุคทองของนักเตะจอมเก๋าในทีมอย่าง อมฤต เอกวงศ์ ประพันธ์ ขันโคกกรวด สุเมธ อัครพงษ์ สมเกียรติ ปัสสาจันทร์ ปิยกุล แก้วน้ำค้าง ซึ่งถือว่าเป็นกำลังหลักของแบงค์บัวหลวงในยุคนั้นเลยทีเดียว

4.ยูคอมราชประชา ทีมเก่าทีมแก่อีกทีมหนึ่งที่ถือว่าเป็นเจ้าบุญทุ่มในสมัยนั้นที่คว้าเอาศูนย์หน้าจอมตีลังกาอย่าง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มาร่วมทัพพร้อมกับเหล่าบรรดานักเตะชุดดรีมทีมอย่าง สมาน ดีสันเที๊ยะ สุชิน พันธ์ประภาส รุ่งเพชร เจริญวงศ์ เหรือนักเตะลูกครึ่งไทย สหรัฐ อย่าง อีริค วรมนต์ ไชยสงคราม ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมดาวรุ่งในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้

5.สินธนา เป็นทีมที่ก่อตั้งขึ้นมาไม่นานในอดีตใช้ชื่อว่า บางเตย – สุวรรณน้อย ตามชื่อของผู้จัดการทีม คุณ มนตรี สุวรรณน้อย แม้จะมาใหม่แต่ไฟแรงไม่น้อยเพราะนักเตะในทีมยุคนั้นถือว่าคุณภาพคับแก้วเพราะมีนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ร่วมทัพอยู่อย่าง สุรชัย จิระศิริโชติ และนักเตะเยาวชนทีมชาติอย่าง กิตติศักดิ์ ระวังป่า ยุทธพงษ์ บุญอำพร ภาณุพงษ์ ฉิมผูก ( พลพีร์ รุ่งระวีธนพนต์ ) และอดีตทีมชาติอย่าง อนันต์ พันแสน ประจักษ์ เวียงสงค์ ที่คอยประคับประคองน้องๆในทีมเรียกได้ว่าเป็นทีมที่มีการผสมผสานอย่างลงตัว

6.ธนาคารกรุงไทย ก่อนการแข่งขันรายการนี้จะเริ่มขึ้นทางทีมก็ต้องพบกับข่าวร้ายเมื่อนักเตะฝีเท้าดีอย่าง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ย้ายรังไปซบอกทีมตราชฎา ยูคอมราชประชาแต่ก็ยังมีนักเตะที่พอจะเป็นความหวังของทีมอยู่ไม่น้อยอย่าง อภิสิทธิ์ อิ่มอำไพ สัมพันธ์ เอี่ยมวิไล หรือจะเป็น สราวุธ คำบัว กับ ธงชัย สุขโกกี สองผู้รักษาประตูอดีตทีมชาติไทยชุดดรีมทีม ผลงานแม้จะไม่โด่งดังนักแต่ก็ยังพออาศัยชื่อเสียงในอดีตเป็นเครื่องการันตีไว้บ้าง

7.ทหารบก เป็นอีกทีมหนึ่งที่บอกได้ว่าพร้อมเล่นในทุกรายการถือว่าเป็นทีมเก่าทีมแก่คู่กับวงการฟุตบอลไทยเลยก็ว่าได้นักเตะยุคนั้นใช้นักเตะเก๋าเป็นส่วนใหญ่ทั้ง อดุลย์ มะลิพันธ์ พิสิฐ ฟูเผ่า แมน จันทนาม และนักเตะยอดเยี่ยมยามาฮ่า ไทยแลนด์ คัพ ครั้งล่าสุด อย่าง จิระวุธ มีสูงเนิน และนักเตะดาวรุ่งเยาวชน 16 ปีทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ อย่าง มนตรี มาตรง ร่วมทัพอีกคนและมี ดิดิลโญ่ กุญซือชาวบราซิลเลียน คุมทัพอยู่ แม้จะไม่น่ากลัวแต่ก็ถือว่าน่าเกรงขาม

( อ่านต่อฉบับหน้า )

ลูกหนังลายพราง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์

สวัสดีปีใหม่ไทย เทศกาลสงสงกรานต์ หลายทีมในลีกอาชีพใด้พักซ้อม 2-3 วัน แต่มีทีมเดียวคือ จุฬา ยูไนเต็ด ซ้อมช่วงเทศกาลสงกรานต์ กุนซือใหญ่ชาวแซมบ้า โจเซ่ แฟร์ไรร่า สุดเฮี้ยบ สั่งนักเตะซ้อมตะลุยช่วงสงกรานต์เต็มที่แบบไม่มีหยุดสงกรานต์ อีกทีมที่หยุดวันเดียวคือ แบงค็อก ยูไนเต็ด หวั่นนักเตะกลับมาหมดสภาพ สั่งให้พักแค่ 13 เม.ย. วันเดียว นักเตะอาชีพเป็นงานที่แปลกกว่าอาชีพอื่นมากเลยครับ เทศกาลสงกรานต์นี้ก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ rich_t

ทีโอทีขึ้นป้ายขายกบไซเบอร์อย่างต่ำ1ล้าน

ความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอลในศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ช่วงพักเบรกให้ทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกับ นิวซีแลนด์ 2 นัด โดย ทีโอที เอฟซี ทีมอันดับ 7 ของตาราง จากการออกสตาร์ต 3 นัดแรก ได้ตั้งราคาขายนักเตะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมดีกรีทีมชาติไทย "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม มิดฟิลด์เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ของทีม ที่ถือเป็นนักเตะแม่เหล็กประจำทีมอย่างแท้จริง ที่ราคาถึง 1 ล้านกว่าบาทเป็นอย่างต่ำ "โค้ชก๊อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ผจก.ทีมทีโอที กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าเราคิดจะขาย สุเชาว์ นุชนุ่ม เพราะเขาถือเป็นนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญของเราในขณะนี้ แต่หากมีทีมไหนต้องการอยากได้ตัวเขาไปเล่นให้จริงๆ ในฟุตบอลอาชีพ โดยเราตั้งราคาขายไว้ที่หลัก 1 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเล่นกับเรามานาน เรื่องฝีเท้าการันตีความสามารถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการมีดีกรีติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง" "หากถามผมว่า อยากจะขายให้ทีมในประเทศหรือไม่ คงไม่อยากขาย แต่ต้องการให้เขามีโอกาสได้ไปเล่นกับลีกต่างชาติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเอสลีกของสิงคโปร์หรือวีลีกของเวียดนาม เพื่อมีโอกาสได้ไปเก็บเงินสักก้

ชัยนาทเปิดตัวชุดแหวกแนวทุ่มงบ200ล้านเปลี่ยนชื่อหวังติดท็อปไฟ

ชัยนาท ฮอร์นบิล ในชื่อใหม่เปิดตัวชุดแข่งขัน 2014 สุดฉีกแนวพร้อมประกาศงบ 200 ล้านบาทเทียบเท่าบิ๊กทีมหวังผฝาดท็อปไฟว์ของตาราง สโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือ ชัยนาท เอฟซี เดิม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวความพร้อมฤดูกาล 2014สนามเขาพลอง สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (15 ก.พ.) โดยมี อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน สตาฟฟ์โค้ช และนักกีฬาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ชัยนาท ตัดสินใจนำคำว่า ฮอร์นบิล (hornbill) ซึ่งแปลว่านกเงือกสัญลักษณ์ประจำสโมสรและจังหวัดมาต่อท้ายชื่อ พร้อมกับประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 200 ล้านบาท เทียบเท่ากับสโมสรชั้นนำ โดย "เสี่ยแฮงค์" ประธานสโมสรหวังพาทีมจบ 5 อันดับแรกของตารางไทยพรีเมียร์ลีก "ทีมชัยนาทในปีนี้ทุ่มงบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงทีม ไม่ว่าจะเป็นการส่วนซื้อตัวผู้เล่นผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงการปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานกว่าเดิม เพื่อให้สโมสรมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยเป้าหมายอย่างต่ำต้องติดท็อปเท็นของตาราง แต่จะให้ดีต้องติด 1 ใน 5 ถ้าทำได้ถือว่าประสบความสำเร็จ" สุรชัย จตุรภั